The prince |
|
HxS / GxS / romance / rate PG-13
ฮัตโตริ เฮย์จิ
เจ้าเมืองโอซาก้าและเป็นนินจามือหนึ่งแห่งตะวันตก |
|
/ฉึก
ฉึก/
มีดสองง่ามพุ่งแหวกอากาศตรงไปปักเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วจากฝีมือคนขว้างที่อยู่ไกลไม่ต่ำกว่า100หลา เป็นไงล่ะ ฝีมือข้าเจ้าของมีดสองเล่มนั้นพูดขึ้นมา ฝีมือท่านน่ะไม่มีใครในเมืองแห่งนี้สามารถเทียบเทียมได้อยู่แล้วเพคะหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนเล่นแต่เยาว์วัยพูดขึ้น แต่ท่านน่ะเป็นถึงผู้ครองเมืองแห่งแคว้นโอซาก้านี้ ท่านเองก็ควรจะสำรวมและเอาใจใส่ในหน้าที่นี้หน่อยนะ!เธอคนนั้นพูดย้ำด้วยเสียงสุดจะทนพร้อมกับชี้ไปทางเรือนที่มีข้าราชการต่างๆกำลังรอถวายงานอยู่ *** -ตกดึก- เฮ้อออ เบื่อๆๆๆๆ เหนื่อยสายตัวแทบขาด เด็กหนุ่มผิวเข้มบ่นพลางบิดเนื้อตัวเพื่อยืดเส้นสายพลางหาวหวอดใหญ่ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายที่ดูยิ่งกว่าบ่นไม่ได้นะ ในเมื่อเจ้าเป็นถึงฮัตโตริ เฮย์จิผู้ครองแคว้นโอซาก้าแห่งนี้ เมืองที่ใหญ่และเจริญขึ้นมาได้ด้วยความอุตสาหะจากท่านฮัตโตริรุ่นก่อนๆ เจ้าจะทำเล่นๆไม่ได้นะ เรื่องนั้นข้าก็รู้ เจ้ากรอกหูข้าทุกวัน คัทซึฮะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว โอซาก้าก็หาใช่เป็นอื่น จะว่าไปก็เหมือนเป็นแม่ที่ให้กำเนิดข้ายังไงข้าก็ต้องปกปักรักษา แต่ว่า เบื่ออออเฟ้ย!!!! บ่นแล้วจะเอายังไง หรือจะเอาสำรับไพ่มาเล่นกับข้า หรือจะเล่นหมากรุก? โอ้ย กีฬาคนแก่ๆอย่างนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก คัทซึฮะหน้างอทันทีเพราะทั้งสองอย่างเป็นของที่เธอชอบเล่นมาแต่เล็กแต่น้อย ข้าอยากจะทำอะไรที่มันตื่นเต้น!! ยังไงพ่อของข้าที่เป็นเจ้าเมืองคนก่อนก็มีโรงฝึกนินจาที่เลื่องชื่อ ข้าเองก็เป็นศิษย์เอกยากจะหาใครเทียบ แต่กลับต้องเอาวิชาที่ได้มามานั่งดองที่ปราสาทอย่างนี้ทุกวัน ไม่นานฝีมือข้าต้องตกแน่ๆเจ้าเมืองคนปัจจุบันเริ่มตีโพยตีพายเดินว่อนไปรอบห้อง ใช่แล้ว!!! หลังจากเดินวนไปได้5รอบใหญ่ เฮย์จิก็ตะโกนใส่คัทซึฮะ ข้ามีวิธีคลายเบื่อแล้ว!! *** -โตเกียว- นี่กลับเถอะ ออกมาอย่างนี้ไม่ดีนะ ทหารก็ไม่ได้เอามาสักคนถ้าเจ้าเป็นอะไรโอซาก้าต้อง อุ้บหญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ถูกขนมดังโงะยัดเข้าไปเต็มปาก ชี่ย์ พูดออกมาทำไมเล่าเฮย์จิทำท่าหันรีหันขวางรอบๆร้านขนมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน เรื่องงานข้าฝากฝังไว้กับท่านลุงโทยามะแล้ว ไหนๆก็ออกมาเป็นการส่วนตัวได้ก็ต้องหาเรื่องสนุกๆให้คุ้มหน่อยล่ะ หญิงสาวทำหน้าเบ้ พยายามเคี้ยวขนมในปากให้หมดก่อนพูดต่อ แล้วทำไมต้องมาโตเกียวด้วยเล่า ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่ามีเรื่องภายใน บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย ได้ข่าวว่าราชวงศ์องค์ก่อนถูกล้มแล้วฆ่าซะเกลี้ยงไม่มีเหลือ ตอนนี้เจ้าเมืองคนปัจจุบันเขาก็ลือกันว่าร้ายนัก เห็นว่ารีดภาษีชาวบ้านตั้งมากมาย ไม่รู้เอาไปทำอะไร ปราสาทก็ปิดเงียบ เวรยามหนาแน่นแม้แต่มดสักตัวก็เข้าไปไม่ได้ ดูสิ ตอนนี้รอบๆเมืองก็ดูหมองๆไงก็ไม่รู้ประชาชนก็ รู้แล้วๆ เจ้านี่ก็รู้เยอะพูดมากจริง เดี๋ยวใครได้ยินเอาเราไปฟ้องก็จบเห่เฮย์จิเตรียมขนมในมืออีกไม้ทำให้คัทซึฮะหุบปากอย่างรวดเร็ว ใช่ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้แหล่ะถึงเร้าใจไง เอ๋? คืนนี้ฉันจะลอบเข้าไปในพระราชวังที่ใครๆเรียกว่าปราการหินนั่นดู *** หลังจาการถกเถียงครั้งใหญ่เรื่องแผนการณ์แก้เบื่ออันอุตริของเฮย์จิ คัทซึฮะค้านหัวชนฝา ทั้งๆที่ตัวเองก็สะกิดใจอยู่แล้วว่าทำไมจู่ๆเฮย์จิถึงชวนมาที่โตเกียวทั้งๆที่ไม่ใช่เมืองที่น่าเที่ยวจากปัญหาเรื่องการปกครอง ยิ่งพูดว่าอันตรายเท่าไรเฮย์จิยิ่งอยากลอง บอกว่าอยากใช้วิชาที่ตัวเองได้ร่ำเรียนมาลอบเข้าปราสาทแห่งนี้ดูสักหน ปราสาทที่ว่าแม้นินจาผู้เก่งกาจปานใดก็ไม่สามารถรอดออกมาได้สักราย คัทซึฮะ ลูกสาวของผู้ช่วยผู้ครองแคว้นโอซาก้า โทยามะ ทั้งคู่ก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักนินจาฮัตโตริเหมือนกัน ทั้งยังเป็นเพื่อนและผู้ใกล้ชิดกันในแต่ละรุ่น ฝีมือเป็นเลิศเรื่องข่าวสาร ด้วยความรั้นของเฮย์จิที่ว่ายังไงๆก็ต้องไปให้ได้ ทำให้คัทซึฮะจำยอมหาแผนผังวังนั้นอย่างน้อยโดยคร่าวเพื่อหาทางหนีทีไล่ให้ก่อนที่เพื่อนของตนจะเป็นเศษเนื้อกลับออกมา *** -คืนนั้น- แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไป คนเดียวอย่างนี้มันอันตรายนะ เลิกเถอะ คำบ่นของคัทซึฮะร่ายยาวจนเฮย์จิรำคาญ รู้ว่าเพื่อนสาวคนนี้ห่วงตนมากก็จริง แต่เขาเองก็อยากทำตามใจเพื่อปลดปล่อยจากภาระอันนักอึ้งของคำว่าผู้ครองแคว้นสักหน จึงยืนกรานว่าจะไปคนเดียวและปล่อยให้คัทซึฮะรออยู่ในห้องพักตามลำพัง เฮย์จิยืนอยู่เหนือหลังคาบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงกับปราสาทนั้นด้วยชุดนินจารัดกุมสีดำ วังนั้นยิ่งใหญ่แต่บรรยากาศช่างทมึนนัก รอบข้างมีคูน้ำลึก อีกทั้งกลไก เวรยามมากมายที่พร้อมจะจัดการผู้บุกรุกได้ทุกเมื่อ หึ อยากรู้นักว่าจะทานเราได้ถึงไหน เพียงเสียงใบไม้ปลิว บนหลังคานั้นก็ไม่เหลือร่องรอยของเฮย์จิแล้ว *** เวลาผ่านล่วงไปเกือบ3ชั่วโมง เฮย์จิสามารถลอบเข้าไปได้สำเร็จแต่ก็ยากเย็นนักโดยเฉพาะการที่จะทำให้พวกเวรยามไม่รู้ตัวและหลบเลี่ยงกลไกต่างๆ ปกติมาถึงนี่ไม่น่าเกิน30นาที หึ ที่นี่มันหินอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่ว่ายังไงก็เถอะ สนุกชะมัด ฮิๆ เอาล่ะ ลองขึ้นไปให้ถึงห้องบนสุดดีกว่าแล้วค่อยกลับ บนฝ้าเพดาน เฮย์จิค่อยๆคลานผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ยิ่งสูงยิ่งยาก กับดักมากมายเหลือล้นจนเฮย์จิสงสัยว่ามีมากขนาดนี้เพื่ออะไร ชิ ตรงนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว /แก้ก/ ตายล่ะสิ เหงื่อเม็ดใหญ่ปุดขึ้นมาบนหน้าของเฮย์จิ เสียงเศษกรวดบนเพดานกระทบกับไม้เพราะความเผลอเรอบวกกับความมืดบนเพดาน จะมีใครได้ยินบ้างมั้ย? นั่นใครเสียงเด็กหนุ่มกังวานใสดังมาจากห้องเบื้องล่างจากเพดาน หากเป็นผู้ประสงค์ร้ายกับปราสาทแห่งนี้ ก็โปรดลงมาเถิดเพราะท่านก็นับว่าเป็นพวกเดียวกับข้าแล้ว ประโยคสุดท้ายทำให้เฮย์จิงง หมายความว่ายังไง หรือว่าคนๆนี้ถูกจับตัวมาโดยเจ้าของปราสาทแห่งนี้ หลังจากลองฟังเสียงต่างๆรอบๆ กอปรกับเสียงหายใจที่มีเพียวเสียงเดียวจึงมั่นใจได้ว่านอกจากเจ้าของเสียงนั้นไม่มีใครอื่นอยู่ด้วย ฝ้าเพดานถูกยกออกมาเบาๆตามด้วยร่างของเฮย์จิที่ลงมาอย่างเงียบเชียบหลังจากมั่นใจแล้วว่าปิดพรางหน้าเรียบร้อยและเตรียมอาวุธยามฉุกเฉินพร้อมสรรพ ประตูเลื่อนของห้องที่ลงมาเปิดกว้างรับแสงจันทร์ดวงโตกลมอยู่กึ่งกลางพอดี นอกระเบียงมีหมู่ดาวพราวแสงนับเป็นวิวที่ต้องตาต้องใจอยู่ไม่น้อย กลางห้องมีพื้นยกระดับปูด้วยฟูกเนื้อดีมีผ้าโปร่งห้อยลงมาจากเพดานคลุมไว้อีกชั้น เป็นเพราะผ้าที่ใสและแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทำให้เห็นผู้ที่หันหลังอยู่ภายในม่านนั้นได้ชัดเจน เจ้ามาเพื่ออะไร? ข้ามาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเฮย์จิตอบตามตรงผสมยียวน พักผ่อนหย่อนใจ?ที่ปราสาทแห่งนี้น่ะเหรอเสียงตอบกลับมาแสดงความแปลกใจเพียงชั่วครู่แล้วกลับไปในโทนเดิม ใช่ ที่นี่มันก็เหมือนสวนสนุกน่ะ ถ้าคุกนี่เป็นสวนสนุกสำหรับเจ้าแล้ว ข้าก็ขอให้เจ้าได้รับความสำราญอย่างเต็มที่เถอะ คุก?เจ้าถูกกักตัวอยู่รึ? สิ้นเสียงเฮย์จิ คู่สนธนาอีกคนหนึ่งค่อยๆหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าใสที่เหมือนไม่แสดงความรู้สึกอะไร ใบหน้าที่เฉยชาแต่เข้ารูปราวกับรูปปั้น ผมสีดำขลับที่ปลิวบ้างตามแรงลมที่แล้วแต่จะพัดเข้ามา ข้าชื่อคุโด้ ชินอิจิ นักโทษของสวนสนุกแห่งนี้ *** เจ้าเองก็นับว่าเป็นนินจาฝีมือดีที่สามารถเข้ามาถึงในนี้ได้ เสียงใสกังวานของชินอิจิทำลายความเงียบลง ทำไมถึงเงียบไป?เฮย์จิเองยังสงสัยหรือเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นที่สะกดเขาเอาไว้ แต่โง่พอที่หาเรื่องเข้ามาในนี้เช่นกันเฮย์จิตื่นจากภวังค์ทันทีที่ได้ยิน เจ้าของเสียงหันกลับไปแล้วแต่คำพูดเจ็บแสบทำให้เฮย์จิตงิดๆอยู่ไม่น้อย เจ้าพูดออกมาได้ดีนี่ คิดว่าตัวเองพูดกะใครกันแน่ ข้าอาจจะเป็นนินจาที่เข้ามาปลิดชีวิตเจ้าก็ได้นะเฮย์จิหาเรื่องด่าคืนมั่ง คนอะไร หน้าตาดีแต่คำพูดแสบนักเฮย์จิคิด ชินอิจิชำเลืองมาแค่ชั่วครู่นินจาที่คิดจะบอกชื่อกับวัตถุประสงค์ตัวเองออกมาอย่างนี้ก็โง่ไม่ก็บ้าเท่านั้น และเรื่องที่เจ้าจะมาเอาชิวิตข้าก็กุขึ้นทั้งสิ้น หน้าแตกอีกแล้วพูดดีนัก เชอะ ตอนแรกเห็นว่าถูกคุมตัว หวังไว้ลึกๆว่าอยากช่วย แต่ช่างเหอะ!ข้าคงคิดผิดไปเอง เสียงเงียบกริบไม่ต่างจากตอนมา ร่างเฮย์จิก็กลับไปอยู่บนเพดานเหมือนเดิม ก่อนที่จะปิดฝ้าแล้วจากไป ท่ามกลางแสงนวลสีทองเฮย์จิเห็นท่าทางเศร้าสร้อยฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน *** เฮย์จิ!หญิงสาวที่เดิมหน้ามุ่ยอยู่กลางห้องเปลี่ยนสีหน้าทันควันเมื่อรู้ว่าใครเข้ามา เป็นยังไงบ้าง มีคนรู้ตัวรึเปล่า บาดเจ็บมั้ย ปราสาทเป็นยังไง เจออะไรมาบ้างคัทซึฮะยิงคำถามเป็นชุด ตอนนี้เฮย์จิไม่มีขนมดังโงะอยู่ในมือเลยไม่รู้จะเอาอะไรอุดปากคุณเธอดี เธอรู้จักคุโด้ ชินอิจิมั้ย?เฮย์จิตัดบทดื้อๆด้วยสีหน้าเครียดเล็กน้อย เอ๋ รู้จักสิเฮย์จิไม่ค่อยหาเรื่องมากลุ้มบ่อยนัก คัทซึฮะเลยสงสัยไม่น้อยที่เฮย์จิทำหน้าอย่างนี้ก็เป็นลูกชายคนเดียวของราชวงศ์คุโด้ที่โดนล้มไปเมื่อเกือบ10ปีก่อนไงล่ะ อะไรกันเรื่องแค่นี้นายยังไม่รู้อีกเหรอ? ก็10ปีก่อนฉันยังเด็กอยู่นี่นา ไม่มีเวลามาสนใจข่าวคราวของคนแก่พวกนี้หรอก คัทซึฮะหน้าเครียดแทนเฮย์จิทันทีเพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เธอสนใจมาแต่เล็ก แต่จะถามทำไมน่ะ ในเมื่อเขาก็ถูกฆ่าพร้อมครอบครัวและคนสนิทตั้งแต่กบฏครั้งนั้นแล้วนี่นา? ถูกฆ่า?อะไรกัน แล้วที่เราเห็นล่ะ ผีเรอะ?งี่เง่าเกินไป หรือว่าเจ้ากบฏปล่อยข่าวลวงว่าฆ่าเสียสิ้นทั้งตระกูลแต่เหลือเขาไว้เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง /เรื่องที่เจ้าจะมาเอาชิวิตข้าก็กุขึ้นทั้งสิ้น/ ถึงว่าสิ เพราะรู้ว่าที่อื่นๆต่างคิดว่าตนตายไปแล้วเพราะฉนั้นเรื่องที่จะมีใครจะมาลอบฆ่าจึงเป็นไปไม่ได้ เฮ้ เฮย์จิ คิดอะไรอยู่น่ะ เหม่อแล้วนะ เอ้า!คัทซึฮะวางห่อสัมภาระต่อหน้าเฮย์จิกลับไปโอซาก้ากันเถอะ คืนพรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง เห??? *** -กลางดึกคืนรุ่งขึ้น- ณ ห้องเดิม ชินอิจิยังคงอยู่ที่นั่น หนังสือมากมายวางกระจัดกระจายหมายเพียงเป็นเครื่องแก้เหงา แต่เจ้าของกองหนังสือพวกนั้นผล็อยหลับไปได้นานแล้ว ไออุ่นจากผ้าเนื้อดีลอดผ่านออกมาโดนแก้มของชินอิจิ เอ้า ตื่นแล้วเหรอ ชินอิจิสะดุ้งทันทีเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นชายในชุดนินจาสีดำคนเดียวกันกับวันก่อน เจ้า อีกแล้วเหรอ ไหงพูดงั้นล่ะ อุตส่าห์มาหาหมายเป็นเพื่อน ใครต้องการเป็นเพื่อนกับคนลึกลับปิดบังตนเองอย่างเจ้ากันเล่า เอาน่า อย่างน้อยข้าคงแก้เหงาได้ดีกว่ากองหนังสือพวกนั้น ชินอิจิหน้าแดงและบึ้งตึงเพราะรู้สึกเสียหน้า ถ้าวันหลังจะมา กรุณามีมารยาทใช่ว่ามากลางดึกขณะข้าไม่รู้ตัวเช่นนี้ โธ่ พูดยังกะที่นี่เคาะประตูเข้ามาได้ตลอดเวลา ถ้าจะเข้ายังไงก็ต้องล่วงเวลากว่า2ทุ่มเพื่อให้ฟ้ามืดสนิทและไหนจะต้องผ่านกับดักมากมายเสียอีกเล่า ชินอิจิยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าที่นิ่งเฉยตลอดแสดงความรู้สึกยินดีออกมาครั้งแรกทำให้ใจของเฮย์จิเต้นโดยไม่รู้ตัว *** การสนธนาเรื่องสัพเพเหระผ่านไปไม่นาน จริงเหรอที่เจ้าถูกคุมขังไว้ที่นี่ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าไม่ ประตูบานข้างหน้านี้ข้าเห็นเจ้าเปิดรับลมตลอดเวลา แถมข้ามานั่งอยู่นานสองนานยังไม่เห็นมีเวรยามที่ไหนเอะใจสักคน เพราะพวกเขาต่างมั่นใจในวิทยาการทางกลไกของตนมากเกินไปน่ะสิชินอิจิพูดก่อนเบนหน้าไปทางประตูที่เฮย์จิพูดถึง ที่ประตูนั่นถ้าเจ้าเพียงย่างไปไม่เกินหนึ่งก้าวมด กลไกทั้งหลายจะทำงานทันที เฮย์จิเสียวสันหลังเล็กน้อย ภายใต้วิวอันหน้าอภิรมย์นั่นกลับแฝงไปด้วยอันตรายถึงเพียงนี้ แล้วคนในราชวงศ์เจ้าคนอื่นๆยังเหลือรอดบ้างมั้ย?เฮย์จิถามคำถามที่ทำให้ชินอิจิกระตุกหน้ากลับมาทันควัน เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไง ก็ เพิ่งนึกได้น่ะว่าคุ้นๆชื่อคุโด้เฮย์จิไม่กล้าบอกว่าฟังมาอีกทีเพราะกลัวจะเสียความเชื่อใจจากชินอิจิไป ไม่ สักคน?เจ้ารู้ได้ยังไง พวกเขาอาจจะถูกจับกุมไว้ที่ไหนสักแห่งในปราสาทนี้เหมือนเจ้าก็ได้ ทุกคนถูกประหารลงต่อหน้าข้าทั้งสิ้น ? ทั้งพ่อ แม่ ท่านอากาสะ ท่านเมงูเระ รัน ทุกๆคน..เสียงชินอิจิยังคงเป็นโทนเดิมแต่หายไปเป็นบางช่วง เสียงลมมาแทนที่บทสนธนาทั้งสองไปเกือบ10ช่วงนาที ข้าอาจจะสมควรที่จะตายพร้อมพวกเขา แต่ข้าตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อแก้ไขเรื่องต่างๆและฟื้นฟูเมืองที่พ่อข้ารัก ทุกครั้ง ยามที่ฟ้าสว่างยามกลางวันวิวทางหน้าต่างนั้นเป็นสิ่งที่ข้าเจ็บปวดใจที่สุด ประชาชนต่างทุกข์เข็ญ โรคภัยไข้เจ็บ การฆ่าชิงล้มตาย จลาจลทุกหย่อมหญ้า นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าแห่งปราสาทนี้จึงเลือกคุมขังข้าในที่แห่งนี้ ประตูบานใหญ่เหมือนเชื้อเชิญให้ออกไปสู่อิสรภาพ แต่กลับฝังลึกไปด้วยความเจ็บปวดและความเศร้าของผู้ที่อยู่ในห้องนี้อย่างขมขื่น ระยำ เป็นคำเดียวที่เฮย์จิคิดขึ้นมาได้กับเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ข้าหวังไว้สักวันว่าจะมีโอกาส เมื่อดวงตาสีฟ้าเศร้าสร้อยดวงนั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นแววตาของเฮย์จิที่ลอดผ่านออกจากผ้าโพกคลุมหน้าสีดำซึ่งมีท่าทีไม่ต่างจากความรู้สึกของตนเท่าไร ชินอิจิจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือที่ขาวเนียนไปสัมผัสกับใบหน้าของเฮย์จิ เจ้าไม่ต้องคิดมากไปหรอก เพียงมีคนที่ข้าสามารถพูดอย่างเปิดเผยด้วยได้เช่นเจ้า ข้าก็ดีใจมากแล้วรอยยิ้มจางๆยังคงอยู่บนใบหน้าที่หมองเศร้าของชินอิจิ ถึงตอนนี้ดวงตาสีเขียวมรกตของเฮย์จิก็สะท้อนอยู่บนดวงตาสีฟ้าของชินอิจิได้อย่างชัดเจนแล้ว มือในผ้าสีดำยกขึ้นมาจับมือของชินอิจิไว้ ให้มือขาวนั่นกำผ้าที่ปิดหน้าของตนแล้วค่อยๆดึงออกมา ดวงตาของชินอิจิฉายแววตกใจเมื่อเห็นเฮย์จิทำเช่นนั้น ตอนนี้ใบหน้าที่ถูกปิดมาตลอดถูกเปิดออกแล้ว ข้าชื่อฮัตโตริ เฮย์จิ เป็นเจ้าเมืองแคว้นโอซาก้า ข้าขอสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะช่วยเจ้าออกจากที่นี่ให้ได้ มือนั้นยังคงกุมมือชินอิจิอยู่ ช่วย? คำนี้สำหรับชินอิจิที่ถูกกักขังมานานช่างมีความหมาย การที่ใครสักคนจะยอมเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือคนที่พึ่งรู้จักนั้นหายากยิ่ง ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากชินอิจินอกจากน้ำหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตา ไม่ เจ้าไม่ต้องช่วยข้าหรอก ขอแค่น้ำใจนี้ข้าก็ ตัวของชินอิจิล้มลงไปในอ้อมกอดของเฮย์จิจากแรงดึงเพียงเบาๆ แขนสองข้างที่โอบรัดชินอิจิอยู่เหมือนต้องการเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ชินอิจิเพื่อไม่ล้มไปในกองแห่งความทุกข์มากกว่านี้ ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ขอเพียงบรรลุจุดประสงค์นี้ข้าจะไม่เสียใจเลย แรงกอดค่อยๆคลายลงให้ใบหน้าของชินอิจิออกมาพบกันกับใบหน้าของเจ้าของวงแขนนั้น แล้ววันหลัง เฮย์จิก้มหน้าลงไปใกล้กว่าเดิม ถ้าเจ้าจะปฏิเสธการช่วยของใคร การร้องไห้จะทำให้ได้ผลตรงกันข้าม เจ้ารู้บ้างไหม? ริมฝีปากของเฮย์จิกดลงไปบนที่เดียวกันของชินอิจิ *** ฮัต..ฮัตโตริ เฮย์จิไม่ยอมให้ปากของชินอิจิว่างจนสามารถพูดไปได้มากกว่านี้ มือข้างหนึ่งของเฮย์จิจับไปที่คางของชินอิจิแล้วกดลงเพื่อจูบที่ลึกลงไปมากกว่านั้น ถึงตอนนี้ใบหน้าของชินอิจิก็ร้อนผ่าว ความรู้สึกกังวลและความรู้สึกต่อต้านเริ่มถูกแทนที่ไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่เคยรู้ เรี่ยวแรงหายไปเหลือเพียงกำลังพอที่จะกอดหลังของเฮย์จิไม่ให้ตัวเองล้มลง จูบแรกผ่านไป ชินอิจิพักตัวลงบนอกของเฮย์จิที่กำลังประคองร่างของตนอยู่ มือของชินอิจิยังคงวางอยู่บนแผ่นหลังของเฮย์จิ หัวใจยังคงเต้นแรงไม่ผ่อนผันลงเลย เฮย์จิก็เช่นกัน เจ้าเป็นเพื่อนคนแรก คนแรกที่เข้ามาคุยกับข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไร การครั้งนี้เสี่ยงเกินไป ถือว่าข้าขอร้องเจ้าอย่าเข้ามาพัวพันด้วยเลย แล้วไหนจะแคว้นเจ้าอีก บ่าสองข้างนี้ต้องแบกน้ำหนักของประชาชนอีกหลายชีวิต หาใช่เพียงเพื่อคนอย่างข้าคนเดียวชินอิจิพูดด้วยความรู้สึกอ้างว้าง หักใจอย่างเหลือล้นมีเพียงคำพูดที่กล่าวไปแต่แขนทั้งสองยังกอดกุมมั่น แล้วเจ้าล่ะ ประชาชนต่างรอการกลับมาของเจ้า การกลับมาของความสุขสงบ ถ้าเจ้ายังอยู่ที่นี่ทุกข์เคราะห์ต่างๆก็ยังคงพัดกระหน่ำแก่พวกเขาอยู่เรื่อยไป ชินอิจิยันตัวเองออกมาจากเฮย์จิแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเฮย์จิ หึ เฮย์จิเค่นหัวเราะที่พูดไปมันก็แค่คำสวยหรูน่ะ พูดเหมือนกับว่าข้าเป็นคนดีห่วงใยคนอื่น เฮย์จิถอดถุงมือออกเพื่อให้นิ้วของตนสัมผัสกับใบหน้าของชินอิจิได้อย่างแนบชิด แต่สุดท้ายข้าเพียงต้องการให้เจ้าออกมาอยู่กับข้า ให้ข้าได้เห็นเจ้าทุกเมื่อเท่านั้นเอง มือข้างนั้นประคองหน้าชินอิจิเข้ามาใกล้อีกครั้ง การจูบเริ่มต้นขึ้นใหม่ เพียงแต่ว่ามืออีกข้างของเฮย์จิค่อยๆถอดปมที่ผูกชุดของชินอิจิออก เสื้อเริ่มคลายออกทีล่ะชิ้น เฮย์จิค่อยๆวางตัวชินอิจิลงบนฟูกเบาๆก่อนจะกดน้ำหนักร่างของตัวลงไปบนชินอิจิ ริมฝีปากเริ่มไล้ลงมา จากใบหน้าสู่ต้นคอขาวเนียน ฮัตโตริ อ๊ะชินอิจิสะดุ้งเมื่อมือของเฮย์จิไล่ขึ้นมาบนขาเรื่อยๆ เฮย์จิเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน คุโด้ ข้าอยากให้เจ้าเชื่อใจข้า ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป คอของชินอิจิแห้งผาก อาจเป็นเพราะความกลัวหรืออะไรแต่ก็ทำให้ไม่มีคำใดๆออกจากปากชินอิจิ มีเพียงวงแขนที่ค่อยๆยกขึ้นกอดคนที่อยู่บนตัวเองอย่างช้าๆ คุโด้ รอยยิ้มแต้มขึ้นมาบนใบหน้าของเฮย์จิ *** -เช้าวันรุ่งขึ้น- ค่ำคืนผ่านไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงชินอิจินอนอยู่บนฟูกอันเดิม เมื่อแสงอาทิตย์วิ่งผ่านเข้ามาที่ประตูบานใหญ่ ชินอิจิค่อยๆลืมตาขึ้น ความรู้สึกเมื่อคืนยังคงฝังใจอยู่ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่กระนั้นก็ตามรอยยิ้มเล็กๆก็ขึ้นมาบนใบหน้าของชินอิจิ ชินอิจิกวาดตามองรอบๆเพื่อหาคนที่ตนอยู่ด้วยกันมาตลอดคืนถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องไปก่อนฟ้าสางแต่ยังคงหวังลึกๆว่าเขาจะอยู่ข้างๆไม่ไปไหน พลันสายตาก็เหลือบมองเห็นแผ่นกระดาษวางอยู่ข้างๆหมอน /คุโด้ ข้าเองไม่อยากจากเจ้าไปในลักษณะนี้ จึงหวังเพียงให้การนี้สำเร็จโดยเร็วเพื่ออยู่เคียงเจ้าได้ ภายในห้าวันโปรดรอข้า เพื่อที่จะตระเตรียมการทางหนี ข้าสัญญาว่าจะกลับมาช่วยเจ้า โปรดเชื่อมั่นในข้าเหมือนคืนวานที่ผ่านมา/ ฮัตโตริ กระดาษใบนั้นชินอิจิค่อยประคองกอดไว้กับตัว พลางหลับตาถึงหน้าผู้ที่เป็นที่รัก /ตึก ตึก/ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องเมื่อชินอิจิหันไปหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น เหงื่อปุดขึ้นมาบนใบหน้า ร่างกายสั่นเทา เมื่อคืนนี้มีความสุขดีมั้ย?น้ำเสียงอันเย็นชาดังมาจากผู้ที่ก้าวเข้ามา ผู้ชายที่มีร่างกายสูงใหญ่ ผมยาวสีเงินยวง เจ้าผู้ครองปราสาทและโตเกียวขณะนี้หรือกบฏคนนั้น ยีน *** -เย็นวันนั้น- ช่วงเช้าผ่านไป ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ยีนเดินเข้ามาแล้วจากไปทิ้งให้ชินอิจิอยู่ในห้องตามลำพังเช่นเดิมแต่นั่นยิ่งทำให้เขาคิดมากและเกรงกลัวเป็นทวีคูณ ยีนรู้ถึงไหน? เฮย์จิจะเป็นอย่างไร? ตกบ่าย ว็อดก้าเดินเข้ามาในห้องบอกกับชินอิจิว่ามีคำสั่งจากยีนให้ไปพบเพื่อรับอาหารเย็นด้วยกันทั้งบอกให้ชินอิจิล้างเนื้อตัวแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนถึงเวลา ณ ห้องโถงเล็ก สำรับอาหารถูกจัดขึ้นสองที่ ชินอิจินั่งนิ่งอยู่หน้าสำรับคนเดียว ไม่นาน เสียงประตูดังขึ้นแล้วยีนก็ก้าวเข้ามา นั่งตรงข้ามกับชินอิจิ เอาล่ะ เชิญ ชินอิจิไม่ขยับเขยื้อน ท่านเรียกข้ามา มีเรื่องใดจะไต่ถามกรุณาอย่าอ้อมค้อม หึ ใช่ เรื่องถามน่ะมีอยู่แล้วยีนพูดพลางรินสาเกลงจอกแล้วซดลงไป จะเรื่องอะไรซะอีกนอกจากความสนุกสนานของเจ้าเมื่อคืน ชินอิจิสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้วก็ตาม ได้ ได้โปรด จะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้แต่อย่าถือเรื่องของเขาเป็นปัญหาเลย แค่นินจาปลายแถวเท่านั้น ถึงปล่อยไปเขาก็คงสร้างปัญหาอะไรแก่ท่านไม่ได้ เรื่องนั้นน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกยีนรินสาเกอีกเป็นถ้วยที่สอง ถึงยังไงมันก็ต้องตายอยู่แล้ว..อีก5วัน วันที่มันจะมาช่วยเจ้ายังไงล่ะรอยแสยะยิ้มเบื้องหน้าทำให้ชินอิจิรู้สึกขยะแขยงแต่อย่างน้อยเขาก็เบาใจที่เฮย์จิหลบออกไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้พวกของยีนไม่สามารถตามตัวได้แล้วยีนคงยังไม่รู้ว่าเฮย์จิคือใคร อย่างน้อยเฮย์จิคงปลอดภัยจนถึงอีก5วันข้างหน้า ชินอิจิคิดไปต่างๆนาๆ มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อยีนลงมานั่งลงข้างๆตัวเองแล้ว ชินอิจิทำท่าจะถอยหนีแต่ยีนก็กระชากตัวลงไปแล้วกดชินอิจิกับพื้นทันที รู้มั้ย? ทำไมข้าฆ่าญาติทุกคนทั้งหมดของเจ้าแต่เหลือเจ้าไว้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป มือของยีนรัดแน่นลงไปบนคอของชินอิจิ ด้วยแรงขนาดนี้ชินอิจิไม่สามารถขัดขืนได้เลย หนึ่ง เพราะความฉลาดของเจ้า เพื่อสักวันจะมีประโยชน์ให้ข้า และสอง หน้าตาและร่างกายอันนี้ของเจ้ายังไงล่ะแรงที่มือของยีนค่อยๆคลายออก ชินอิจิไอสำลักทันทีเพราะเกือบขาดอากาศหายใจ แต่เจ้ากลับทำมันแปดเปื้อน!!!ยีนกระชากตัวชินอิจิขึ้นมาคร่อมตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ ชุดถูกกระชากออกทีละชิ้น ไม่นะ!! ชินอิจิพยายามขัดขืนแต่ไม่เป็นผล ผ้าชิ้นหนึ่งถูกนำมามัดที่ข้อมืออย่างแน่นหนา ข้าจะให้เจ้ารู้บ้างว่า การหลอกลวงและหักหลังข้าเป็นยังไงยีนยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูชินอิจิด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาสุดประมาณก่อนกดน้ำหนักตัวทั้งหมดเข้าไปในร่างชินอิจิ ความเจ็บปวดที่ทรมานต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง ยิ่งความเจ็บปวดทางใจยิ่งร้ายกว่า น้ำตาของชินอิจิไหลลงมาไม่ขาดสายไม่ต่างอะไรกับเลือดที่ไหลออกมาเช่นเดียวกัน / ฮัตโตริ / *** -คืนหลังจากการรอการกลับมาได้2วัน- ชินอิจิกลับมาอยู่ที่เดิม ห้องเดิม ในวันแรกชินอิจิแทบขยับตัวไม่ได้ น้ำตายังคงหลั่งต่อไปไม่หยุด จากความหวังในการเฝ้ารอ กลายเป็นความเจ็บปวดและอับอาย ความรู้สึกสกปรกไม่จางหายออกไปจากใจชินอิจิเลย ชีวิตแทบสิ้นหวังกลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวว่าเฮย์จิจะมีอันตราย กลัวว่าคนที่เกี่ยวข้องกับเฮย์จิจะโดนเช่นไรบ้างและที่กลัวที่สุดคือ ความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเมื่อวันวานจะถูกเฮย์จิล่วงรู้ กลัวที่จะถูกรังเกียจ หากมีอาวุธข้างกายสักชิ้น ชินอิจิคงคิดจะปลิดชีวิตตัวเองอย่างไม่ลังเล หลังจากจมสู่กองทุกข์นับชั่วโมง น้ำตาแห้งเหือดหมดแล้ว ความเจ็บปวดเริ่มคลี่คลาย สติเริ่มกลับคืน ชินอิจิกลับมามีตัวตนอีกครั้ง แล้วเขาเริ่มคิด เรื่องทั้งหมดต้องไม่จบลงแบบนี้ ต้องไม่เป็นไปตามที่ยีนคาด และเฮย์จิต้องไม่เป็นอะไร เราต้องทำอะไรสักอย่าง ชินอิจิเงยหน้าไปบนเพดาน จุดที่ๆเป็นช่องเพดานเวลาเฮย์จิลงมาหา ชินอิจิคิดถึงเขาจับใจแต่อีกด้านก็ไม่อยากพบ ไม่อยากให้เขารับรู้สภาพตนเองตอนนี้ แล้วชินอิจิก็ตักสินใจ ปีนขึ้นไปบนช่องนั้น /ถ้าผ่านตรงนี้ไป เราอาจจะสามารถรู้ความลับหรืออะไรบางอย่างได้ อย่างน้อยสุด คงสามารถสำรวจปราสาทนี้รอบๆได้/ เวลาผ่านไปช้าๆ การเคลื่อนไหวของชินอิจิเป็นไปอย่างระมัดระวังที่สุดบางครั้งความเจ็บปวดเกิดขึ้นมาจนทำให้ไปต่อไม่ไหว แต่สุดท้ายชินอิจิก็ลอบมาถึงห้องโถงใหญ่ ใหญ่มากๆห้องหนึ่ง ในนั้นมืดสนิท ไม่มีคนอยู่ ชินอิจิค่อยๆลงมาข้างล่างจากเพดานแล้วจุดไฟลงบนเทียนแท่งเล็กๆที่เตรียมมา /ที่นี่คงเป็นชั้นใต้ดินของปราสาท ท่าทางเป็นเหมือนโรงงานอะไรสักอย่าง/ ชินอิจิคิดเมื่อมองไปรอบๆแล้วเห็นเครื่องจักรต่างๆมากมาย ณ ฟากหนึ่งของห้องมีลังไม้ขนาดใหญ่มากมายรวมทั้งถังไม้อีกจำนวนมาก /พวกนี้คืออะไร?/ชินอิจิคิดก่อนลองเปิดลังหนึ่งดู /นี่มัน!? ปืนนี่ หรือว่าที่นี่คือโรงงานผลิตอาวุธ จำนวนมากขนาดนี้หรือว่ายีนคิดจะ !/ ชินอิจิเก็บปืนไว้เหมือนเดิมแล้วเริ่มสนใจกับถังไม้ที่อยู่ข้างๆที่มีจำนวนไม่แพ้กัน กลิ่นที่คุ้นเคยจากถังไม้นั้นทำให้ชินอิจิตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง *** -กลางดึกของคืนวันที่5- หลังจากวันที่ชินอิจิพบโรงงาน เขาเริ่มออกไปที่นั่นทุกวันเพื่อทำบางอย่าง จากการที่ทั้งต้องหลบซ่อนตัว ระวังไม่ให้ใครเห็น งานที่เสี่ยงอันตรายและทำได้เฉพาะกลางคืนทำให้งานเรียบร้อยตามที่ต้องการเอาในวันนี้พอดี วันที่เฮย์จิจะมา ชินอิจินั่งนิ่งรอคอยเวลาที่จะมาถึง เที่ยงคืน เฮย์จิก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม คุโด้เฮย์จิเดินเข้าไปใกล้ คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนที่จะยกมือขึ้นหมายจะสัมผัสใบหน้าของคนที่คิดถึงมาตลอด5วัน อย่ามาแตะต้องตัวฉันเสียงที่ออกมาจากชินอิจิที่ยังก้มหน้านิ่งช่างเย็นชาจนเฮย์จิแปลกใจ /แกร็ก/ เสียงขึ้นไกปืนดังล้อมอยู่รอบๆตัวเฮย์จิ ศัตรูนับ10ยืนอยู่รอบๆ หึๆๆเสียงยีนดังขึ้นมาจากด้านหลังเจ้านี่เอง หนูสกปรกสิ้นคิดที่ชอบปีนเพดานปราสาทชาวบ้าน ฮัตโตริ เฮย์จิ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คนอย่างเจ้ารู้จักชื่อข้าเฮย์จิยิ้มกลับไปด้วยท่าทีที่เครียดขึ้น มาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ ห๊ะ?ยีนถามกลับ ข้าจะมาเอาตัวคุโด้ออกจากเศษสวะอย่างเจ้าน่ะสิ! เจ้าคิดว่าเจ้าทำให้เขาต้องเป็นทุกข์มาเท่าไหร่แล้วเฮย์จิตะโกนชี้หน้าไปที่ยีน ทุกข์?เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าให้เขาอยู่ในห้องที่วิวดีที่สุดที่สามารถมองวิวของโตเกียวได้ทั่ว ให้เขาพบกับหน้าครอบครัวคนรู้จักก่อนพวกมันจะสิ้นใจ และ ยีนเดินเข้าไปหาชินอิจิที่นั่งอยู่แล้วคุกเข่าลงข้างๆก่อนที่จะจับคางชินอิจิขึ้นมาใกล้ๆหน้าของตัวเอง เมื่อ4คืนก่อนข้ายังให้ความสุขกับเขาอยู่เลย จริงมั้ย คุโด้ยีนดันคางขึ้นมาก่อนจูบลงไป เขาเยี่ยมมากยีนเงยหน้าไปมองเฮย์จิ นายไม่คิดอย่างนั้นหรอกเหรอ ฮ่าๆๆเสียงหัวเราะของยีนบาดลึกเข้าไปในใจของเฮย์จิ ไม่ ไม่จริงใช่มั้ย คุโด้ จริง เสียงที่เฉยชาตอบกลับมาไม่ต่างอะไรจากวันที่เจอกันวันแรก แต่คราวนี้มันเย็นเฉียบมากกว่า นายถูกมันบังคับแน่ๆเฮย์จิผละสายตาออกจากชินอิจิไปที่ยีนอย่างโกรธแค้น ชินอิจิค่อยๆยกมือขึ้นคล้องรอบคอยีนก่อนชำเลืองตามองไปที่เฮย์จิ ถ้าฉันบอกว่าฉันยินยอมล่ะ? ..คุ คุโด้ ฮ่าๆๆๆ ดีมาก ได้ยินแล้วใช่มั้ย? ทหาร ยิงมันให้เป็นจุน ก่อนที่ทหารจะเหนี่ยวไกปืน วิชาดาบของเฮย์จิก็ฟาดฟันเหล่าทหารพวกนั้นเสียสิ้นแล้ว แล้วตัวเฮย์จิก็หายไปดุจสายลม *** ไม่ต้องห่วง ยังไงๆมันก็ต้องตาย แล้วแกล่ะ เป็นอย่างไร เจ็บปวดมากมั้ยกับละครบทนี้รอยแสยะยิ้มของยีนทำให้ชินอิจิแทบอาเจียน น้ำตาที่อดกลั้นลงมาตลอดใกล้พังทลายลง หึๆ คนที่ตายน่ะ แกต่างหากชินอิจิหยิบสวิทซ์อันหนึ่งออกมาจากใต้ฟูก ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ทุกอย่างจบลง ท่าน ยีน ท่านก็ถึงกาลดับแล้วเช่นกัน เพียงนิ้วกดลงไปที่สวิทซ์นั้น เสียงดังราวกัมปนาทก็ดังขึ้นจากใต้ปราสาท เสียงนี่มัน!!ยีนตะโกนก่อนเห็นเปลวไฟห่อหุ้มไปทั่วปราสาทของตนแก!!! ดินปืนไงล่ะ มีอย่างมากมายเลยที่ใต้ปราสาทแห่งนี้ คงคิดจะสะสมอาวุธเพื่อยึดครองประเทศล่ะสิ ข้าใช้เวลาทุกคืนๆตั้งกลไกนี้ขึ้นมา ทุกอย่างสำเร็จแล้วและก็กำลังจะจบลง นี่ไงล่ะที่เจ้าเคยพูด เพราะความฉลาดของเจ้า เพื่อสักวันจะมีประโยชน์ให้ข้า เปลวเพลิงพุ่งแรงลามเลียปราสาทไม้อย่างรวดเร็ว เสียงทหารและคนในปราสาทร้องระงมอื้ออึงไปหมด ไม่นาน ห้องที่ยีนและชินอิจิอยู่ก็เริ่มมีควันและประกายไฟ แกเล่นละครเพื่อให้ไอ้หน้าโง่นั่นหนีไปงั้นรึ ฮ่าๆๆ สิ้นคิด!!! ยีนชักดาบพกออกมาหมายจะฆ่า ชินอิจิยังคงนั่งนิ่งหลับตารอเวลาอีกไม่นานที่จะกำหนดชะตาตัวเองทุกอย่าง / ฮัตโตริ / ก่อนที่เสียงแหวกอากาศจากดาบของยีนจะฟันลงถึงคอชินอิจิก็ถูกขัดขวางด้วยดาบอีกเล่มหนึ่ง เสียงโลหะกระทบกันก้องกังวานทำให้ชินอิจิลืมตาขึ้น ท่ามกลางม่านควันและเปลวไฟ สิ่งที่ชินอิจิเห็นคือการดวลดาบของคนสองคน คนหนึ่งคือผู้ที่เกลียดที่สุด และอีกผู้หนึ่ง ผู้ที่เป็นที่รักที่สุด การดวลเป็นไปอย่างคู่คี่ นอกจากต้องหลบฝีมือของอีกฝ่ายที่ใช่ว่าจะจัดการได้โดยง่ายแล้ว ยังต้องคอยหลบเปลวเพลิวที่พัดไหวไปตามแนวลม ปราสาทเริ่มทรุดเอียงจากการพังทลายทีละส่วนเหมือนเร่งเวลาให้รีบตัดสินกันเร็วขึ้น ดาบสุดท้ายตัดสินเป็นตายถูกกำหนดขึ้น ฝ่ายที่ถูกเลือกให้แพ้ล้มลงนอนตายกลางเปลวเพลิง ตายในปราสาทที่ตนไขว่คว้าแย่งมาและกำลังจะกลายเป็นจุนไปพร้อมกับตัว ไปกันเถอะ คุโด้ มือที่คุ้นเคยยื่นออกมารับ ก่อนที่เปลวไฟจะกลืนกินทุกอย่างในห้องนั้น *** -เวลาผ่านไป5เดือน- ณ เนินแห่งหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นโตเกียวได้ชัด ปราสาทใหม่กำลังถูกบูรณะสร้างขึ้นแทนปราสาทเดิมที่มอดไหม้ไปแล้ว อีกไม่นาน ข้าก็จะได้กลับบ้านข้าชินอิจิพูดกับผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้าง ประชาชนทุกคน ณ ที่นี้ต่างเห็นพ้องต้องสิ้นแล้วที่จะรับเลือกให้ข้าเป็นผู้ครองแคว้นต่อไป คุโด้วงแขนใหญ่อบอุ่นประคองกอดคนตรงหน้าจากทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา ข้า ขออย่างนึงได้มั้ย หือ? ขอให้เจ้าไปอยู่กับข้า อยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกันที่โอซาก้าเหมือนเมื่อ5เดือนก่อนได้มั้ย? พูดอะไรอย่างนั้นชินอิจิหัวเราะเบาๆข้าขอบใจ ที่เจ้าให้ที่พักพิงข้าตอนที่กำลังสร้างปราสาทใหม่ แต่อยู่ด้วยกันมาตลอด5เดือนแล้วยังไม่เบื่ออีกเหรอชินอิจิหันหลังกลับไปมองคนที่กำลังกอดตัวเองอยู่ บ้าสิ ต่อให้อยู่ข้างกันจนตายข้าก็ไม่มีวันพูดอย่างนั้นเด็ดขาด! คุโด้? ขอบใจมากนะ ตั้งแต่ครั้งนั้น ครั้งที่เจ้ามาช่วยตอนไฟไหม้ปราสาท ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาชินอิจิเงียบไปสักครู่ข้าคิดว่าเจ้าคงรังเกียจข้าเรื่องนั้น ข้าต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ดูแลเจ้าได้ไม่ดีพอ ช่างเถอะ อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลยตอนนี้ ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ คำเสียใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่อยู่ข้างๆข้าเท่านั้นก็พอ พอชินอิจิได้ฟังคำพูดนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง แล้วพิงไปข้างหลัง แต่ยังไงๆข้าก็ทิ้งโตเกียวไปไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละแล้วชินอิจิก็สะบัดตัวออกจากเฮย์จิก่อนเดินไปแล้วทิ้งเขาไว้ข้างหลัง อ้าว เฮ้ แต่ยังไงก็เถอะชินอิจิหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มอย่างสดใสเรื่องที่จะต้องมาหาข้าบ่อยๆก็เป็นหน้าที่ของเจ้านะ เป็นนินจาทั้งที เรื่องแค่นี้สบายอยู่แล้วใช่มั้ย? วันนั้นท้องฟ้าโตเกียวปลอดโปร่งแจ่มใสเหลือเกิน บ้านเมืองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง วิวที่นอกหน้าต่างบานนั้นถูกลบเลือนไปเสียสิ้นแล้ว *** THE END |
|