Fairy tale |
|
H+C / sad-angst-dead fic เด็กน้อยที่หลุดออกมาจากโลกแห่งกระจก ที่ๆเขากับพี่ชายฝาแฝดเคยอยู่ด้วยกัน เด็กน้อยต้องการกลับไปอยู่เหมือนเดิมการเดินทางจึงเริ่มขึ้น ทุกสิ่งเกือบสิ้นหวังหากเขาไม่ได้เจอ นายพรานหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้เด็กน้อยได้กลับบ้าน |
|
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ณ
ยอดปราสาทของอาณาจักรแห่งหนึ่งมีกระจกคู่ตั้งอยู่
กระจกทั้งคู่หันเข้าหากันสะท้อนเป็นรูปของชายหนุ่มสองคนอยู่ในนั้น
ทั้งสองมีหน้าตารูปร่างที่เหมือนกัน ทั้งสองอยู่ในกระจกด้วยท่าทางแบบเดียวกัน ต่างกันเพียงสีของเสื้อผ้าเท่านั้น ชายหนุ่มในชุดสีขาวบริสุทธิ์อยู่กระจกบานขวา และชายหนุ่มในชุดสีดำนิลอยู่กระจกบานซ้าย จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดพายุแรงโหมเข้าใส่อาณาจักร ท้องฟ้าโกรธเกรี้ยวคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปราสาทหินที่ตั้งตระหง่านมานับร้อยปีสั่นสะเทือนแล้วกระจกบานซ้ายก็ได้ล้มลงมา ท่ามกลางเศษกระจกที่แตกกระจาย มีร่างเด็กน้อยนั่งอยู่ เขาคือชายหนุ่มในชุดสีดำคนนั้น เมื่อเขาออกจากกระจก ด้วยอำนาจเวทย์มนต์ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไป และเมื่อแสงฟ้าผ่าสว่างขึ้นมาอีกครั้งเขาก็หลับไปด้วยความเพลีย รุ่งสางเมื่อพายุผ่านพ้น เด็กน้อยก็ตื่นขึ้นมา เขามองไปที่กระจกบานขวา เราจะต้องหาทางกลับมาอยู่กับพี่ แล้วเด็กน้อยก็ออกจากปราสาทไป *** เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาจากกระจกสู่โลกภายนอก เด็กน้อยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเพราะเขาเองก็จำโลกภายนอกก่อนที่เขาเข้าไปอยู่ในกระจกไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างไรเด็กน้อยก็ไม่สนใจ ตอนนี้เขาต้องการวิธีที่จะทำให้เขากลับไปอยู่กับพี่ชายเขาเหมือนเดิม เด็กน้อยเดินจากปราสาทมาถึงป่าเขา เด็กน้อยได้ถามพรานแก่ที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ใต้ต้นไม้ถึงวิธีที่จะทำให้เขาเป็นแบบเดิม ข้ารู้แต่วิธีดึงสายธนูและดื่มเหล้าเท่านั้น เอิ้กแล้วพรานแก่คนนั้นก็เดินจากไป เด็กน้อยเดินจากป่าเขามาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง เด็กน้อยได้ถามหญิงสาวที่กำลังวิ่งมาถึงวิธีที่จะทำให้เขาเป็นแบบเดิม ข้ารู้แต่ว่าตอนนี้ข้าต้องรีบตามพ่อขี้เมากลับไปทานอาหารที่บ้านแล้วหญิงสาวคนนั้นก็วิ่งผ่านไป เด็กน้อยเดินจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้นมาถึงตลาด เด็กน้อยได้ถามตำรวจอ้วนคนหนึ่งที่กำลังเดินไปมาถึงวิธีที่จะทำให้เขาเป็นแบบเดิม ข้ารู้แต่ว่าข้าต้องตรวจตราตลาดไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเท่านั้นแล้วตำรวจอ้วนคนนั้นก็เดินไปมาต่อไป เด็กน้อยเฝ้าแต่ถามคนที่เขาพบเห็นถึงสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ แต่ไม่มีใครตอบคำถามเขาได้เลย เด็กน้อยเดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ผ่านป่าเขาไปอีกหลายป่าเขา ผ่านหมู่บ้านเล็กๆไปอีกหลายหมู่บ้าน ผ่านตลาดไปอีกหลายตลาดจนกระทั่งมาถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นเมืองที่ครึกครื้นและวุ่นวายต่างจากที่เขาเคยเจอมาและต่างจากสถานที่ที่เขาเคยอยู่ แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามเขาได้อยู่ดี เขาวนเวียนถามคนนับหมื่นที่เดินกันอลหม่านในเมืองนี้หวังว่าสักคนคงจะรู้ ในที่สุดคำถามของเขาก็ได้ไปเข้าหูนักปราชญ์คนหนึ่ง เป็นชายแก่ศรีษะล้านครึ่งนึง พุงกลมใหญ่ ใส่แว่นตากลมและท่าทางเป็นมิตร ชายแก่เชิญชวนเขาไปฟังคำตอบที่คฤหาสน์ของเขา ชายแก่ได้ให้เด็กน้อยอาบน้ำใหม่ ให้อาหารชั้นดีและเสื้อผ้าแทนของเก่าที่เลอะเทอะและขาดวิ่นจากการเดินทาง เด็กน้อยไม่ได้ขอบคุณแต่กลับบอกให้ชายแก่รีบบอกเขาถึงวิธีกลับไปเป็นอย่างเดิม บานกระจกทำมาจากทรายบริสุทธิ์กลางท้องมหาสมุทร หล่อหลอมทรายนั้นด้วยของเหลวสีแดงเพลิงจากปากปล่องภูเขาไฟที่ร้อนที่สุด ทำบานกระจกให้เย็นลงด้วยลมแห่งป่าหมอก ตัวกระจกทำจากไม้สนอายุพันปีบนเทือกเขาหิมะ และต้องมีอัญมณีสีแดงสดที่ตรึงเวทย์ไว้ติดที่กึ่งกลางกระจกนี้จึงจะเป็นเหมือนเดิม
เด็กน้อยดีใจที่ได้คำตอบ เขาถามถึงวิธีและสถานที่ที่จะได้สิ่งเหล่านั้นมา
ทรายบริสุทธิ์เจ้าจะได้จากทะเลทางทิศตะวันออกจากเทพลิเวียเทน ของเหลวเพลิงสีแดงเจ้าจะได้จากภูเขาไฟใหญ่ทางทิศใต้จากเทพอิฟริท ไม้สนเจ้าจะได้จากยอดภูเขาหิมะทางเหนือจากเทพชิวา และลมเจ้าจะได้จากป่าแห่งหมอกทางทิศตะวันตกจากเทพไทฟอน
เมื่อชายแก่พูดจบ เขาก็นำเสบียงอาหารและเงินจำนวนหนึ่งให้แก่เด็กน้อยและบอกให้ออกจากคฤหาสน์ของเขาไป เด็กน้อยพยายามไต่ถามถึงที่อยู่อัญมณีชิ้นสุดท้ายแต่คำตอบที่ออกมามีเพียงว่า หากเจ้าไร้คนที่รักเจ้าแล้ว ทั้งหมดที่ข้าพูดมาก็ไม่มีประโยชน์ แล้วชายแก่ก็ปิดประตูคฤหาสน์ของเขาลงปล่อยให้เด็กน้อยยืนคิดอยู่ท่ามกลางแสงอรุณของวันใหม่ก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อไป *** เด็กน้อยท่องจำที่อยู่ของสิ่งของ 4 อย่างจนขึ้นใจ เขาคิดว่าเขาควรจะหาทั้งหมดที่เขารู้ให้ครบก่อนแล้วจึงค่อยออกตามหาอัญมณีชิ้นสุดท้าย เด็กน้อยได้เดินทางไปชายหาดทางทิศตะวันออกสุดแล้วถามชาวประมงแถวนั้นเพื่อขอร้องให้ช่วยออกเรือนำเขาไปสู่กลางมหาสมุทร ที่อยู่ของลิเวียเทน ที่อยู่ของลิเวียเทนอยู่กลางมหาสมุทรที่ไกลออกไปตรงกลางเส้นขอบฟ้าที่บรรจบกับพื้นทะเลนั้น รอบๆเต็มไปด้วยน้ำวนที่บ้าคลั่งและคลื่นใหญ่สูงเสียดฟ้า เรือข้าไปไม่ไหวหรอก ชาวประมงทุกคนปฏิเสธ เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าเขาควรออกไปหาของชิ้นอื่นก่อน
เด็กน้อยได้เดินทางไปที่เทือกเขาทางทิศใต้สุดแล้วถามคนเกวียนแถวนั้นเพื่อขอร้องให้ช่วยขับเกวียนวัวนำเขาไปสู่ภูเขาไฟใหญ่ ที่อยู่ของอิฟริท ที่อยู่ของอิฟริทอยู่ในภูเขาไฟใหญ่กลางเทือกเขาที่รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟเล็กๆอีกนับพัน ลาวาร้อนเดือดพุ่งออกมาจากพื้นดินทุกตารางนิ้วทุกๆวินาที วัวข้าไปไม่ไหวหรอก คนเกวียนทุกคนปฏิเสธ เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าเขาควรออกไปหาของชิ้นอื่นก่อน
เด็กน้อยได้เดินทางไปที่หุบเขาทางตะวันตกสุดแล้วถามคนขี่ม้าแถวนั้นเพื่อขอร้องให้ช่วยขี่ม้าพาเขาไปสู่หุบเขาป่าแห่งหมอก ที่อยู่ของไทฟอน ที่อยู่ของไทฟอนอยู่ลึกสุดในป่าแห่งหมอก ทั้งป่ามีแต่ต้นสนนับแสนนับล้านต้นเหมือนกันหมด หมอกหนาทึบมองไม่เห็นแม้แต่ปลายจมูกข้างหน้า ไม่มีใครเข้าไปแล้วหาทางออกกลับมาได้สักคน ข้ากับม้าของข้าคงนำทางให้เจ้าไม่ไหวหรอก คนขี่ม้าทุกคนปฏิเสธ เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าเขาควรออกไปหาของชิ้นอื่นก่อน เด็กน้อยได้เดินทางไปที่ป่ายอดเขาทางเหนือสุดแล้วถามคนขี่แพะภูเขาแถวนั้นเพื่อขอร้องให้ช่วยขี่แพะพาเขาไปสู่ยอดเขาหิมะ ที่อยู่ของชิวา ที่อยู่ของชิวาอยู่บนยอดเขาที่แหลมที่สุดในป่ายอดเขา ข้างบนปกคลุมด้วยหิมะหนานับร้อยฟุตมากว่าพันๆปี มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากพรางไว้ด้วยหิมะมากมาย ข้ากับแพะภูเขาของข้าคงพาเจ้าไปถึงที่นั่นไม่ไหวหรอก คนขี่แพะภูเขาทุกคนปฏิเสธ เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าเขาควรออกไปหาของชิ้นอื่นก่อน แต่เขาไม่มีของชิ้นอื่นเหลือให้หาแล้วนอกจากอัญมณีที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เขาเดินทางต่อมาอย่างไร้จุดหมายมาเรื่อยๆจนเหนื่อยอ่อนแล้วฟุบหลับลงไปท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มก่อเค้าพายุฝน ฉันเกลียดพายุฝน *** เด็กน้อยรู้สึกตัวอีกครั้งบนฟูกนุ่ม อากาศรอบตัวอบอุ่น กลิ่นซุปลอยมา เขามองไปทางต้นตอของกลิ่นนั้น ชายหนุ่มผิวคล้ำคนหนึ่งเดินออกมา ในมือเขาถือซุปอยู่ถ้วยหนึ่ง เขายื่นให้เด็กน้อยอย่างมีไมตรีแล้วเชื้อเชิญให้ทาน เมื่อทานเสร็จ ชายหนุ่มผิวคล้ำก็เฉลยว่าเขาเป็นนายพรานอยู่ที่ป่าแถวนี้ เห็นเด็กน้อยนอนสลบอยู่กลางทางจึงพากลับมาบ้านด้วยความสงสาร แล้วเขาก็ถามถึงเหตุผล เด็กน้อยเล่าให้ฟังถึงการเดินทาง รวมทั้งกระจกที่เขาเคยอยู่ซึ่งเป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างพิศวงจนกระทั่งจบ ของทั้ง 4 อย่างนั้นก็ ฉันไม่สามารถไปนำมันมาได้ อัญมณีสีแดงสด? ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เธออยู่ในปราสาทนั้นมาตลอด? ..อาจจะใช่ แล้วคนที่อยู่ในกระจกอีกบาน? เขาคงรอฉันอยู่ที่ปราสาทแห่งนั้น เขาคือใคร? เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดของฉัน เขาเป็นยังไงบ้าง? เท่าที่ฉันจำได้ เขาเป็นคนที่ร่าเริงและซุกซน ชอบท่องเที่ยว เท่าที่เธอจำได้??? นอกจากนั้นฉันจำอย่างอื่นไม่ได้เลย แต่รู้อย่างเดียวว่า ฉันต้องกลับไป ในคืนวันนั้นเอง พรานหนุ่มก็ตัดสินใจจะออกเดินทางร่วมกับเด็กน้อย ทำไม? ไม่รู้ แค่รู้สึกว่าปล่อยเจ้าไปคนเดียวไม่ได้ *** แล้วทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปด้วยกัน ตลอดทาง ทั้งสองได้ช่วยกันเตรียมเสบียงและคิดวางแผนการเพื่อไปนำเอาสิ่งของทั้ง 5 อย่างนั้นกลับมา ทั้งสองเดินทางไปยังใต้สุดเพื่อไปนำลาวาที่กระจายอยู่รอบฐานภูเขาไฟมาเก็บไว้ในไหใหญ่ แล้วเดินทางมาที่เทือกเขาป่าแห่งหมอกที่อยู่ทางทิศตะวันตก เมื่อเปิดฝาไห ความร้อนของลาวาก็ทำให้หมอกสลายไป ทั้งสองได้ซื้อม้ามาหนึ่งตัวเพื่อใช้เป็นพาหนะ ชายหนุ่มถือไหและเข็มทิศ เด็กน้อยเขียนสัญลักษณ์ไว้บนต้นสนตลอดทาง ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงในสุดแห่งป่าหมอกและได้พบเทพแห่งลม ไทฟอน เด็กน้อยเพียรพยายามขอร้องและเล่าเหตุผลเพื่อหยิบยืมหมอกวิเศษที่ออกมาจากลมหายใจไทฟอน แต่ก็ล้มเหลว ไทฟอนไม่สนใจเด็กน้อยเลย เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ ชายหนุ่มผิวคล้ำได้ปลอบประโลมเขาและบอกให้พักอยู่ที่นี่เสียคืนหนึ่งเพื่อว่าเทพไทฟอนจะเปลี่ยนใจ เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ข้างหัวเด็กน้อยก็มีถุงที่ทำมาจากเยื่อสน ภายในเก็บลมหายใจของไทฟอนไว้ เด็กน้อยยินดีมาก ออกจากป่าแห่งหมอกอย่างมีความสุข ก่อนออกพ้นจากป่าแห่งหมอก ทั้งสองได้เทลาวาในไหทิ้งและบรรจุหมอกไว้ในไหใหญ่นั้นแทนจนเต็มเปี่ยมแล้วขายม้านั้นไป แล้วเดินทางมาที่มหาสมุทรที่อยู่ทางทิศตะวันออก ทั้งสองได้ซื้อเรือลำหนึ่งเพื่อใช้เป็นพาหนะ เมื่อมาเกือบถึงกลางทะเลก็เห็นคลื่นใหญ่สูงนับร้อยๆฟุตและน้ำวนหมุนควงบ้าคลั่งอยู่ ชายหนุ่มได้เปิดไห ลมหมอกก็กรรโชกออกมาอย่างแรงทันที ลมพัดออกไปทั้งซ้ายและขวาเปิดทางให้ตรงกลางเกิดคลื่นสงบนิ่ง แล้วทั้งคู่ก็พายเรือผ่านเข้าไป ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงจุดกึ่งกลางมหาสมุทรและได้พบเทพแห่งน้ำ ลิเวียเทน เด็กน้อยเพียรพยายามขอร้องและเล่าเหตุผลเพื่อหยิบยืมทรายบริสุทธิ์ที่ปลายหางของลิเวียเทนทับอยู่ แต่ก็ล้มเหลว ลิเวียเทนไม่สนใจเด็กน้อยเลย เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ ชายหนุ่มผิวคล้ำได้ปลอบประโลมเขาและบอกให้พักอยู่ที่นี่เสียคืนหนึ่งเพื่อว่าเทพลิเวียเทนจะเปลี่ยนใจ เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ข้างหัวเด็กน้อยก็มีกล่องที่ทำมาจากกระดองเต่า ภายในเก็บทรายบริสุทธิ์เอาไว้ เด็กน้อยยินดีมาก ออกจากมหาสมุทรนั้นอย่างมีความสุข ก่อนออกพ้นจากมหาสมุทร ทั้งสองได้เทหมอกในไหทิ้งและบรรจุน้ำทะเลไว้ในไหใหญ่นั้นแทนจนเต็มเปี่ยมแล้วขายเรือนั้นไป แล้วเดินทางมาที่ป่ายอดเขาที่อยู่ทางทิศเหนือ ทั้งสองได้ซื้อแพะภูเขาเพื่อใช้เป็นพาหนะ เมื่อมาถึงตีนเขาก็ได้รับคำเตือนจากชาวบ้านเรื่องมีหุบเหวน้อยใหญ่อำพรางไว้ใต้หิมะ ชายหนุ่มได้เปิดไห น้ำทะเลที่เก็บมาจากที่อยู่ของลิเวียเทนยังหมุนวนบ้าคลั่งอยู่ในไหนั้น ทำให้แม้เจออากาศเย็นก็ไม่แข็งตัว เมื่อเทน้ำออกจากไห แรงหมุนของมันก็พัดพาเอาหิมะปลิวกระจายออกไปหมด เปิดให้เห็นช่องแนวหินเพื่อเดินทาง ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงยอดเขาที่แหลมและสูงที่สุดและได้พบเทพแห่งหิมะ ชิวา เด็กน้อยเพียรพยายามขอร้องและเล่าเหตุผลเพื่อหยิบยืมไม้สนสักเสี้ยวหนึ่ง ซึ่งต้นสนนั้นเป็นต้นไม้ที่ชิวาปลูกไว้ และเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะนี้ แต่ก็ล้มเหลว ชิวาไม่สนใจเด็กน้อยเลย เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ ชายหนุ่มผิวคล้ำได้ปลอบประโลมเขาและบอกให้พักอยู่ที่นี่เสียคืนหนึ่งเพื่อว่าเทพชิวาจะเปลี่ยนใจ เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ข้างหัวเด็กน้อยก็มีไม้สนท่อนหนึ่งวางเอาไว้ เด็กน้อยยินดีมาก ออกจากป่ายอดเขานั้นอย่างมีความสุข ก่อนออกพ้นจากป่ายอดเขา ทั้งสองได้เทน้ำทะเลในไหทิ้งและบรรจุหิมะไว้ในไหใหญ่นั้นแทนจนเต็มเปี่ยมแล้วขายแพะภูเขานั้นไป แล้วเดินทางมาที่เทือกเขาแห่งภูเขาไฟที่อยู่ทางทิศใต้ ทั้งสองได้ซื้อเกวียนวัวเพื่อใช้เป็นพาหนะ เมื่อมาถึงแนวภูเขาไฟก็พบลาวาเดือดสีแดงพุ่งขึ้นมาจากซอกหินราวกับน้ำพุทุกหย่อมทุกที่ ชายหนุ่มได้เปิดไห หิมะที่เก็บมาจากป่ายอดเขาของชิวาก็ปลิวออกมาและทำให้ลาวาเหล่านั้นเย็นลงกลายเป็นหินอัคนี ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดและเก็บลาวาที่ร้อนที่สุดไว้และได้พบเทพแห่งไฟ อิฟริท เด็กน้อยเพียรพยายามขอร้องและเล่าเหตุผลเพื่อหยิบยืมลาวาเดือดที่ร้อนที่สุดนี้ แต่ก็ล้มเหลว อิฟริทไม่สนใจเด็กน้อยเลย เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ ชายหนุ่มผิวคล้ำได้ปลอบประโลมเขาและบอกให้พักอยู่ที่นี่เสียคืนหนึ่งเพื่อว่าเทพอิฟริทจะเปลี่ยนใจ เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ข้างหัวเด็กน้อยไม่มีอะไรวางไว้ แต่ในไหนั้นกลับมีลาวาเก็บไว้แทนหิมะอยู่เต็มเปี่ยม เด็กน้อยยินดีมาก ออกจากเทือกเขาภูเขาไฟนั้นอย่างมีความสุข *** ในที่สุดเด็กน้อยก็สามารถสร้างกระจกใหม่ให้กับตัวเขาเองได้แล้ว ทั้งสองพากันไปที่ชายหาดแห่งหนึ่งเพื่อที่จะมีบริเวณกว้างพอและเริ่มต้นลงมือทำ เริ่มด้วยนำลาวาเดือดมาเทใส่โอ่งขนาดใหญ่ และนำทรายบริสุทธิ์ใส่เข้าไปพลัดกันเคี่ยวจนทรายนั้นหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน นำทรายที่เป็นเนื้อเดียวกับลาวาแล้วเทเป็นแผ่น ใช้ลมหมอกค่อยๆเป่าพัดจนลาวานั้นค่อยๆเย็นลงๆจนแข็งตัว ในที่สุดบานกระจกใสแวววาวก็เสร็จ ชายหนุ่มผิวคล้ำได้นำไม้สนที่ได้มาจากชิวามาต่อเป็นกรอบกระจกและแกะสลักลวดลาย เมื่อทั้งหมดประกอบกันกระจกทั้งบานก็เสร็จสมบูรณ์และงดงาม เด็กน้อยดีใจมาก ชายหนุ่มเองก็พลอยยินดีไปกับเด็กน้อยด้วย ทั้งสองช่วยกันนำกระจกกลับไปยังปราสาท ที่ที่เด็กน้อยจากมา แต่กระจกบานนี้ยังไม่มีอัญมณี ถ้าไม่มีสิ่งนี้เด็กน้อยก็ไม่สามารถกลับเข้าไปในกระจกได้ ชายหนุ่มจึงเสนออาสาไปถามนักปราชญ์ในเมืองนั้นเองว่าจะหาได้จากที่ไหนแล้วเดินจากไป เด็กน้อยนั่งรอชายหนุ่มอยู่หน้าปราสาทนั้น จนคืนและวันผ่านไปในที่สุดชายหนุ่มก็กลับมา เด็กหนุ่มดีใจ ร้องถามหาอัญมณีทันที ชายหนุ่มยิ้มกลับบอกว่าได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว จิตใจเด็กน้อยโลดแล่นด้วยความสุข แต่เมื่อเด็กน้อยกลับไปบนยอดปราสาทปรากฏว่ากระจกด้านขวาที่เหลืออยู่มีแต่ความว่างเปล่า พี่ชายของเขาหายไปแล้ว เด็กน้อยตกใจมาก รีบวิ่งลงมาหาและเล่าเรื่องให้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างฟังทันที ขอโทษนะ ฉันไปตามหาพี่ชายของเธอด้วยไม่ได้แล้ว ฉันช่วยเธอวันนี้ได้เป็นวันสุดท้าย เด็กน้อยทั้งตกใจและงุงงง พยายามถามถึงเหตุผลแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรเด็กน้อยเลย ในที่สุด เด็กน้อยก็ตัดสินใจออกตามหาพี่ชายของเขาโดยลำพัง ทิ้งชายหนุ่มที่เคยร่วมเดินทางมากับกระจกบานใหม่นั้นไว้ข้างหลัง *** เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เด็กน้อยไม่พบวี่แววของพี่ชายตนเองเลย เขาทั้งเหนื่อยและล้า ตอนนี้เขาไม่มีเพื่อนร่วมทางและไม่มีใครรอเขากลับไปที่ปราสาทแล้ว เขาเดิน เดินและเดินไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็วนกลับมาที่เมืองใหญ่ เมืองที่คฤหาสน์ของนักปราชณ์คนนั้นตั้งอยู่อีกครั้ง ชายแก่พบเขาที่ถนนและเชื้อเชิญเด็กน้อยไปที่คฤหาสน์เหมือนเมื่อวันนั้นอีก เขาได้จัดอาหารเลี้ยง เด็กน้อยที่เขาพบครั้งนี้ดูทรุดโทรมไปกว่าครั้งแรกที่เจอมาก แล้วชายแก่ก็ถามถึงเรื่องการเดินทางและเพื่อนร่วมทาง เพื่อนของเธอเคยมาหาฉันครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน ครับ เขาอาสามาถามเรื่องอัญมณีที่คุณไม่ยอมบอกผม อืมม์ เสียใจด้วยนะ แต่ก็ต้องขอบคุณเขา เขาเลือกทางนี้แล้ว ครับ เขาแยกกับผมวันนั้น วันที่พี่ชายของผมหายไป หือ?? พี่ชายผมหนีหายไปจากกระจก ผมไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หลังจากทำกระจกเสร็จผมก็ตามหาเขาเรื่อยมาจนถึงวันนี้ ไม่แปลก! ไม่แปลกใจเลย ตามนิสัยแล้วเขาก็ควรทำเช่นนั้น เป็นคนที่ลึกลับและนิยมกลางคืนมากกว่ากลางวัน คุณรู้จักพี่ชายผม? ใช่ ฉันรู้ เกี่ยวกับเธอ ครอบครัวเธอ ไม่เช่นนั้นฉันจะบอกเธอเรื่องกระจกนั่นได้รึ? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง ในเมื่อผมยังไม่รู้จักตัวเองเลย ไม่แปลก ระยะเวลาที่ยาวนานกัดกร่อนความทรงจำเธอหายไปหมดแล้ว ดูนี่สิ ชายแก่เดินไปหยิบหนังสือเก่าๆที่ทำจากหนังสัตว์เล่มหนึ่ง นี่เป็นบันทึกเกี่ยวกับอาณาจักรเธอเมื่อหลายร้อยปีก่อน ??? ชายแก่ค่อยๆเปิดหน้ากระดาษทีละแผ่นอย่างระมัดระวังตามอายุของหนังสือ มือนึงขยับแว่นตรงปลายจมูกให้เข้าที่ เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีอาณาจักรเล็กๆอยู่แห่งหนึ่งปกครองด้วยความสุขสงบ ราชินีองค์สุดท้ายได้ประสูติทายาทฝาแฝดขึ้นมา ทั้งพระราชา พสกนิกรต่างยินดีกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งคู่ต่างเป็นหนุ่มรูปงามรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน ท่าทางฉลาดเฉลียว คนพี่อยู่ในอาภรณ์ขาวติดนิสัยชอบซุกซน ช่างเที่ยวชอบเดินทาง นิยมแสงดาวมากกว่าแสงอาทิตย์ คนน้องในอาภรณ์ดำนิยมการอ่านและสุขุม ทั้งสองมีความสุขมาได้ 17 ปี โชคร้ายที่ทั้งคู่เกิดเป็นโรคร้ายแรง ทุกคนต่างพยายามหาวิธีช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งวันหนึ่งนักบวชจากแดนอื่นได้เสนอวิธีนำลูกทั้งสองคนไปเก็บไว้ในกระจก ถึงจะไม่สามารถขยับไปไหนแต่ก็จะไม่แก่ไม่ตายเสมือนหยุดเวลาไว้ในกระจกชั่วนิรันดร์ ราชาและราชินีตกลงใจทำตามทันทีแล้วเก็บทั้งคู่ไว้บนยอดปราสาท ในที่สุดอาณาจักรก็ล่มสลายไป ผมพึ่งเคยได้ยินเรื่องราวของตัวเองครั้งแรก เรื่องของเธอค่อนข้างเก่ามากและเกิดในอาณาจักรเล็กๆ คนอื่นจึงไม่ค่อยรู้จัก แล้วทำไมอาณาจักรของผมถึงล่มสลาย? ก็ไม่มีราชา ราชินี ไม่มีทายาทในที่สุดก็ถูกอาณาจักรอื่นตีแตกและล่มสลายไป แล้วพระราชา พ่อ แม่ของผมล่ะ? เธอจำได้มั้ย? สิ่งที่ฉันพูดก่อนที่เธอจะออกจากบ้านฉันในวันนั้นน่ะ หากเจ้าไร้คนที่รักเจ้าแล้ว ทั้งหมดที่ข้าพูดมาก็ไม่มีประโยชน์ *** เด็กน้อยวิ่งฝ่าความมืดของราตรีไปสุดแรงฝีเท้าของเขามุ่งไปที่ปราสาท
/ ตามปกติเทพทั้งหลายจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์นอกเสียจากว่ามีข้อตกลง / / อิฟริทจะร้องขอโลหิตที่ไหลเวียนในกายแทนในส่วนลาวาที่เสียไป / / ลิเวียเทนจะร้องขอร่างเนื้อแทนในส่วนทรายที่เสียไป / / ชิวาจะร้องขอกระดูกแทนในส่วนกิ่งสนที่เสียไป / / ไทฟอนจะร้องขอลมหายใจแทนในส่วนไอหมอกที่เสียไป / / พระราชาและราชินียอมรับข้อเสนอเพื่อแลกกับวัตถุดิบในการทำกระจกทั้งสองบาน / / โดยสัญญาว่าจะมอบให้หลังจากสร้างกระจกเสร็จแล้ว 3 วัน / / หลังจากหาได้ครบ ทั้งสองพระองค์ได้ใช้เวลาที่เหลือมองดูลูกชายตัวเอง / / ก่อนมอบหัวใจตนเองให้เป็นอัญมณีเพื่อนำลูกทั้งสองเข้าสู่โลกกระจกได้ในวันสุดท้าย / ในที่สุดเด็กน้อยก็วิ่งมาถึงปราสาท แต่เวลาก็ผ่านไปนานเสียแล้ว ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มีเพียงกระจกบานใหญ่บานหนึ่งที่ไม่หมองลงไปตามกาลเวลา เหนือกระจกมีอัญมณีสีแดงสดใสส่องประกายเจิดจ้าแข่งกับสีดำของราตรี / หัวใจที่มอบให้ต้องเป็นหัวใจที่ต้องการให้คนๆนั้นมีชีวิตอยู่ต่อในโลกแห่งกระจกอย่างแท้จริง /
เด็กน้อยยืนเหม่อมองกระจกนั้นอยู่นาน แล้วเขาก็เริ่มเดิน หา หาเพื่อนร่วมทางของเขา หารอบทั้งปราสาท รอบบริเวณป่าแถวนั้น รอบบ้านของเพื่อนร่วมทางของเขาเอง หา จนในที่สุดเขาก็มาถึงชายหาดที่ๆพวกเขาสร้างกระจกด้วยกัน แล้วเด็กน้อยก็ทรุดตัวลงบนผืนทราย ชายแก่บอกเขาว่าวันที่ชายหนุ่มคนนั้นไปถึงที่คฤหาสน์ เขาได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายแก่ฟังเพื่ออ้อนวอนถามหาอัญมณีชิ้นนั้น ชายแก่แปลกใจมากที่ชายหนุ่มคนนั้นไม่รู้เรื่องตำนานนี้มาก่อน เขาได้ตกลงกับเทพทั้งหลายด้วยความคิดของเขาเอง เขายอมสละชีวิตตนเองเพื่อให้เด็กน้อยคนหนึ่งได้กลับบ้าน เด็กหนุ่มนั่งคิดวนไปเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำอีกแล้วเขาก็เริ่มร้องไห้ ทำไมเขาต้องการกระจกบานนั้นถึงขนาดนั้น? เพราะอะไร? เพราะเป็นที่ๆเดียวที่เขาสามารถอยู่ได้? เพราะเป็นที่ๆเขาเรียกว่าบ้าน? เพราะเป็นที่ๆเดียวที่มีคนรอเขาอยู่? คนๆเดียวในโลกที่เขารู้จัก พี่ชายของเขาเอง? ใช่แล้ว เด็กน้อยไม่ได้ต้องการกระจกบานนั้น แต่สิ่งที่เขาต้องการคือการได้อยู่กับคนที่รู้จักเขา เขากลัวการยอมรับว่าอยู่ตัวคนเดียว แต่เขาไม่เคยนึกถึงเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้แต่ตามสิ่งที่ว่างเปล่า รางวัลที่ได้มามีเพียง เขาต้องสูญเสียพี่ชายและเพื่อนเพียงคนเดียวตลอดกาล
แล้วเด็กหนุ่มก็ร้องไห้ ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ต่อไป อยู่ข้างชายหาดนั้น น้ำตาไหลรินจากดวงตาของเขานานเท่าที่นานได้ แล้วน้ำตาหยดเล็กๆก็ค่อยๆกลืนหายไปกับน้ำทะเลที่ซัดขึ้นมา ผ่านวัน และคืน เท่าที่ลมหายใจเขายังมี *** เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พี่ชายของเขายังคงเที่ยวโลดแล่นไปในยามราตรี เดินทางจากตะวันออกจรดตะวันตกทุกๆคืน ท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลกด้วยชุดสีขาวของเขาเพื่อตามมองหาผืนทรายที่โอบอุ้มน้องของตัวเองไว้ตลอดกาล ***THE END*** |
|
^^
เป็นยังไงบ้างคะ?
ฟิคเรื่องนี้นี่เราใช้วิธีและสำนวนตามนิทานล้วนๆเลยนะ
จะเรียกว่าYAOIก็ไม่ใช่Shonen aiก็ไม่เชิงเอาเป็นว่านานๆทีเขียนนิทานเด็กดีสักเรื่องละกัน
โฮะๆ (ดีตรงไหน?)ส่วนตัวละครทั้งหลายแหล่นี่ไม่มีบอกชื่อเลยหวังว่าทุกคนคงพอเดากันออกว่ามีใครบ้าง^^;;;
ถ้าเป็นคนชอบพวกนิทานเก่าๆน่าจะชอบเรื่องนี้นะ(รึเปล่า?)
ชื่อของเทพต่างๆนี่อ้างอิงมาจากเกมส์
FF ค่ะ หากคุ้นก็อย่าสงสัย
จบแบบสะใจคนเขียนทรมานคนอ่านเล็กน้อยด้วยsad
ending(อย่าให้รู้นะว่ามีคนอ่านแล้วหัวเราะน่ะ--;;;;)
อ่า
คงรู้กันแล้วเนอะว่าใครเป็นพี่
แล้วตอนจบเขากลายเป็นอะไร
โฮะๆๆ^^
คิดยังไงติชมกันมาได้นะ ฮุๆ |