Miss understand

Ha+K / shonanai / ramance<max>

ยอดจอมโจรตกเป็นเหยื่อaptx4869+คุณไสยฯของอาคาโกะ ฮาคุบะจะปฏิเสธ
ให้ความช่วยเหลือเพราะว่าเขากับไคโตะเป็นศัตรูกัน?

--คำเตือน-- เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้เป็นโรคเบาหวาน เหอๆๆๆ^^;;;;
 

 
 
***

"ฮะฮ่า ในที่สุดก็ได้ของมาอีกชิ้นแล้ว"

เสียงเยาะเย้ยลอดออกมาจากริมฝีปากที่แย้มอย่างเย้ยหยันของชายหนุ่มในชุดขาวที่กำลังกางปีกบินเหนือหมู่ตึกและแสงไฟของมหานครโตเกียวราวกับนกพิราบแห่งรัตติกาล

"งานคราวนี้ก็ง่ายอีกแล้ว ไม่ไหวเลยน้าสารวัตรนาคาโมริ พอเจ้าฮาคุบะกับชินอิจิไม่อยู่ด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ คิกๆ ....อ๊ะ!"

-ตึก...ตึก...-

"...อ๊อก!!"จอมโจรหนุ่มยื่นมือมากุมหน้าอกตนทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นกระทันหัน เสียงหัวเราะเมื่อครู่กลายเป็นเสียงกัดฟัน

เขากำลังทรมาน

ชายหนุ่มหลับตา พยายามคุมสติและร่างกายตัวเองให้เข้าที่ แต่จังหวะการเต้นหัวใจที่ถี่ขึ้นทุกๆทีทำให้เขาสูญเสียการควบคุมแฮงค์ไกรเดอร์ ปีกของเขา และตกลงสู่ยอดตึกใกล้ๆในที่สุด

เขาร่วงลงสู่พื้นซีเมนต์เย็นเฉียบราวกับนกปีกหัก แต่แรงกระแทกไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสึกเจ็บปวดไปมากกว่าอาการภายในที่รุมเร้าอยู่เลย ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจับใจของยามดึกในเดือนกุมภาตอนเที่ยงคืน มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ร้อนรุ่มราวไฟแผดเผา หยดเหงื่อซึมออกมาตามเสื้อผ้าจนถึงขนาดไอบางๆลอยขึ้นมาจากตัว

"...อ่ะ...อ้าา.....!!!!!!!" แรงกายทั้งหมดตอนนี้ทุ่มไปกับฝ่ามือที่เค้นตรงหน้าอกตัวเอง ไคโตะตะเกียกตะกายไปกับพื้นเหมือนคนพยายามควานหาอากาศหายใจ ใบหน้าคมซีดลงจนเหมือนกระดาษกระจายเต็มด้วยหยดเหงื่อ คิ้วเรียวกดขมวดเข้าด้วยกัน แล้วสติเขาก็เหมือนจะขาดผึ่งเมื่อตอนหวีดร้องออกมาครั้งสุดท้าย...

***

ความสงบเงียบแผ่เข้ามาบนยอดตึกนั้นราวกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งกองเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์เคลื่อนไหว

/...อืม.../

ไคโตะขยับนิ้วได้เป็นสิ่งแรก แล้วเปลือกตาค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆอย่างยากเย็น ความทรมานเหมือนกับตกสู่ห้วงนรกเมื่อครู่หายไปแล้ว เหลือแต่ความรู้สึกหนักอึ้งในตัวเขาเท่านั้น ร่างกายยังนอนนิ่งในท่าคว่ำหน้า ขยับไม่ได้อย่างใจเลย

"...เมื่อกี้เราเป็นอะไรไปนะ..." ไคโตะที่อยู่บนดาดฟ้านั่นคนเดียวเริ่มระลึกความทรงจำเมื่อครู่เป็นช่วงๆ เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นมาจากเมืองข้างล่างแว่วเข้าหูเป็นระยะๆ ความมืดทำให้ดวงตาที่เปิดขึ้นมาได้ของเขานั้นไม่ได้ทำงานเท่าไหร่ จนกระทั่งหมู่เมฆเบื้องบนได้ถูกแรงลมผลักดันให้เคลื่อนไหว ส่งให้ดวงจัทร์ได้อวดโฉมและส่องแสงลงมาเบื้องล่าง

ประกายแสงนึงแว่บขึ้นมากระตุ้นความสนใจจากไคโตะเป็นสิ่งแรก

มันคือแสงที่สะท้อนจากหมู่อัญมณีเลอค่าและเพชรบนสร้อยคอขนาดใหญ่นั่นเอง ไคโตะคิดโทษตัวเองว่าทำไมถึงสะเพร่าขนาดทำอัญมณีชิ้นสำคัญราคาหลายล้านหลุดมือไป แถมเสี่ยงว่ามันจะเกิดริ้วรอยตำหนิอีกด้วย เขาเอื้อมมือจะไปหยิบมันแต่ทว่าสิ่งที่เขากะกลับพลาด

"เอ๋? ทำไมแขนเราไม่ถึงล่ะ? เพชรมันก็อยู่แค่นั้นเอง"

ปลายนิ้วจากแขนที่เหยียดจนสุดของเขาไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น ทั้งๆที่มันห่างจากเขาไปไม่ถึงเมตร

เมื่อเขามองไปที่มือตัวเองก็ต้องแปลกใจ ทำไมถุงมือเขาถึงได้หลวมขนาดนี้นะ มันใหญ่กว่ามือเขาเกือบสองเท่า และพร้อมจะหลุดหล่นลงพื้นได้ทุกเมื่อ แล้วเขาก็รู้สึกว่าแขนที่เอื้อมไปนั้นรับน้ำหนักบางอย่างที่หนักมาก

แขนเสื้อเขาเองเหรอ? ทำไมมันถึงหนักขึ้นล่ะ?

ไคโตะลุกขึ้นนั่ง เบลอเล็กน้อยที่เงยขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อมองไปรอบตัวเขาก็พบว่าเขากำลังนั่งอยู่บนกองเสื้อผ้าสีขาวขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าตัวเขามาก แต่รูปทรงเสื้อผ้านั้นก็เหมือนชุดที่เขาใส่มาก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีอย่างไม่ผิดเพี้ยน

แน่นอนว่ามันต้องเป็นเสื้อผ้าของเขาเอง

แล้วเมื่อเขาหยิบแว่นขาเดียวขึ้นมา ตอนนี้มันใหญ่เกินครึ่งหน้าของเขาเสียอีก

"เฮ้ย!!!???"

***

...

ถนนเล็กๆตอนเที่ยงคืนมีเพียงแสงไฟจางๆจากเสาไฟสูงที่ส่องผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ข้างทางและแสงไฟจากหน้ารถที่อาบผ่านหน้าประตูหน้าร้านค้าเป็นระยะๆเท่านั้น

ไคโตะวิ่งย่ำไปกับพื้นฟุตบาทที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งทำให้เสียงดังกร็อบแกรบไม่ขาดระยะ แต่ทว่าคราวนี้ถึงเขาจะวิ่งสุดฝีเท้าแต่ความเร็วก็ได้ไม่ถึงครึ่งของตอนเขาอายุ 17 เลย

ใช่ ตอนนี้เขากลายเป็นเด็กประถมไปแล้ว

เด็กหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตนได้อย่างไร หลังจากพอมีแรงเขาก็รีบออกมาจากดาดฟ้านั่นทันที และเพราะร่างกายที่หดลงทำให้เขาไม่สามารถเก็บทุกสิ่งทุกอย่างแบกออกมาได้หมด ทำให้จำต้องซ่อนของบางส่วนไว้ที่ดาดฟ้านั่นก่อน ตอนนี้เขาจึงมีแค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวหนึ่งที่ยาวลงมาเกินเข่าและอัญมณีที่ขโมยมาเท่านั้น

"ให้ตายสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

คำถามที่วนเวียนซ้ำๆอยู่ในหัวที่ปวดจนแทบจะระเบิด ไคโตะกุมหัว วิ่งลงจากฟุตบาทเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม...

---เอี๊ยดดดดด!!!! ปี๊นนนนนนนนนนนนนน---

เสียงเบรคและแตรแหลมสูงดังแผดไปทั่วถนน เมื่อไคโตะมองไป แสงสปอตไลท์จากไฟหน้ารถก็ส่องเข้ามาที่ตา เขายกมือขึ้นบังแสงทันทีก่อนล้มลงไปกับพื้นเพราะความตกใจ

รถยนต์คันนี้หยุดอยู่ห่างจากตัวเขาไม่ถึงครึ่งเมตรเท่านั้น!

"เฮ้ เจ้าหนู เป็นอะไรรึเปล่า?" คนขับรถตะโกนถามก่อนลงมายังถนนเพื่อดูอาการของเด็กชาย

"หือ? กุมหัวทำไม? เมื่อกี้มีอะไรโดนที่หัวเธอรึเปล่า?" คนขับรถถามด้วยความเป็นห่วง

"..อ่า ไม่เป็นไรครับ นี่ไม่เกี่ยวกับรถคุณลุงหรอกฮะ" ไคโตะพูดตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าหลับตา และกุมที่ศรีษะตัวเอง

"มีอะไรร้ายแรงมากมั้ยครับ?" เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาจากที่นั่งเบาะหลังของรถคนนั้น

"คาดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงนะครับคุณหนู แต่อาการของเด็กคนนี้ดูไม่ค่อยดีเลย"

"อาการไม่ค่อยดี?" เสียงประตูรถเปิดออก เด็กหนุ่มเจ้าของเสียงก้าวเท้าลงมาจากรถ "คุณลุงครับ ขอผมดูเขาหน่อย"

"ได้ครับ เชิญครับคุณหนู"ชายวัยกลางคนค่อนแก่หลีกทางให้เด็กหนุ่มที่ตนเรียกว่าคุณหนู

"เธอเป็นอะไรมากรึเปล่า? ทำไมแต่งตัวแบบนี้?"ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตขาวปล่อยชายเสื้อ ผมสีบลอนด์ทรุดตัวลงคุกเข่าข้างๆ ฝ่ามือประคองไหล่เด็กน้อยที่ค่อนข้างสั่นเทา

"..ไม่ครับ ผม....." ไคโตะฝืนเปลือกตาให้ลืมขึ้น และเงยหน้าไปทางคู่สนธนาของตนก่อนที่จะเบิดตากว้างด้วยความแปลกใจ

"...ฮาคุบะ?..."

"หือ? เธอรู้จักฉันได้ยังไง?" เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สายตาเขากวาดมองไปรอบตัวเด็กชาย เสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เด็กคนนี้สวมใส่อยู่ ลักษณะโครงร่างหน้าตา และแสงที่ประกายเจิดจ้าอยู่ในกระเป๋าเสื้อหลวมโครกเพราะสะท้อนกับไฟหน้ารถ ในที่สุดเขาก็พูดว่า...

"...หรือว่า?...คุโรบะ??..."

***

รถยุโรปสีน้ำเงินเข้มเงาวับจอดอยู่ริมฟุตบาทหน้าร้านมินามาร์ทที่เปิดตลอด 24 ชม. ไคโตะได้ถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นรถและนั่งมาเรื่อยจนถึงที่นี่จุดหยุดแวะหาอะไรให้รองท้อง

"คุณลุงครับ ขอผมคุยกับเด็กคนนี้ครู่นึงเป็นการส่วนตัวนะครับ"

"ได้ครับ คุณหนู" หลังจากคุณลุงขับรถยื่นกาแฟนมกระป่องอุ่นๆให้ไคโตะก็ปิดประตูหลังรถที่เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันแล้วเดินจากไป

"เอาล่ะ นายบอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้น?" ฮาคุบะพูดกับเด็กชายที่กำลังยกกาแฟกระป๋องจ่อริมฝีปากด้วยมือทั้งสอง

"ทำไมกาแฟมันถึงได้หนักอย่างนี้นะ บ้าชะมัด อ๊ะ!"

คราวนี้ไคโตะมาหัวเสียกับปลายแขนเสื้อที่ย้วยลงมา เขาวางกาแฟกระป๋องและพยายามจะพับมันใหม่ แต่มือเล็กๆของเขาก็ท่าจะพับให้เรียบร้อยเสียทีไม่ไหว ฮาคุบะจึงดึงแขนเขาไปและพับปลายเสื้อให้ช้าๆทีละข้าง

"คุโรบะ เล่ามาซะที" ฮาคุบะพูดเมื่อทบครั้งสุดท้ายเสร็จและยื่นกาแฟกระป๋องที่วางข้างตัวคืนเจ้าของ

"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแหละน่า" ไคโตะรับกาแฟกระป๋องอุ่นๆจากคนที่อยู่ข้างๆ แต่การรับทั้งสองมืออย่างนี้ทำให้ฮาคุบะนึกขำอยู่เหมือนกัน "จู่ๆตอน 4 ทุ่มกว่าๆฉันก็เป็นอย่างนี้ เชอะ"

"นายคงไม่ได้ไปทำอะไรแผลงๆก่อนหน้านี้หรอกนะ?"

"เปล่าซะหน่อย ไม่ได้ทำหรือเจออะไรผิดปกติสักนิด" ไคโตะยกกาแฟขึ้นมาจิบ

"แล้วทำไมจู่ๆถึงเป็นขึ้นมาได้ล่ะ?"

"นั่นสิ ฉันเองก็อยากถาม ตอนแรกก็เกิดเสียดหน้าอกขึ้นมากะทันหัน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา แล้วตัวก็ร้อนขึ้นเหมือนกระดูกจะละลาย หายใจไม่ออก...เอ๋?"

"หือ? คิดอะไรออกรึ?" ฮาคุบะถามเมื่อเด็กชายข้างหน้าตนหยุดพูดกระทันหัน เหมือนว่ากำลังจะคิดอะไรออก

"สงสัยว่าต้องเป็นฝีมือของอาคาโกะแน่ๆเลย"

"ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะ?"

"เจ้าบ้า ถ้าเป็นเรื่องแปลกๆที่พิสูจน์ไม่ได้ละก็ มันก็ต้องเป็นเพราะเวทย์มนต์ของยัยนั่นแหงๆ"

"อืม ก็เป็นไปได้นะ"

"หนอยแหน่ะ ทำเรื่องอีกแล้ว" เด็กชายเสื้อฟ้ากัดฟันกรอด

"แล้วนายจะทำยังไงต่อล่ะ?"

"จะทำยังไงล่ะ? ก็ต้องไปที่บ้านยัยนั่นแล้วคลายคาถานี่ให้ได้น่ะสิ!" ไคโตะตอบเสียงกร้าว ตามองไปยังมือที่กำกาแฟกระป๋องแน่น

"ไปทั้งๆอย่างนี้เนี่ยนะ?" ฮาคุบะไล่มองร่างเด็กน้อยที่นั่งข้างๆตลอดตัว

"สภาพอย่างนี้น่ะยิ่งอยู่นานยิ่งไม่ดี ถ้าไม่รีบก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรอีก แต่ว่านั่นแหละนะ ร่างกายอย่างนี้ทำอะไรคงไม่สะดวก คงต้อง....." เสียงเล็กๆอ่อยลง

"หึ ถ้านายจะขอความช่วยเหลือจากฉันน่ะ บอกได้เลยนะว่าเลือกคนผิด"

"??...นายว่าอะไรนะ ฮาคุบะ?" ไคโตะเงยหน้าขึ้นมามองฮาคุบะช้าๆ

"ฉันบอกว่านายเลือกคนที่จะให้ช่วยผิดแล้ว..."

---ซ่า---

"โอ้ย นายทำอะไรของนายน่ะ?" ฮาคุบะสะบัดมือที่โดนกาแฟร้อนสาดใส่ กระป๋องที่เหลือกาแฟติดอยู่นิดหน่อยร่วงลงไปกับพื้น

"นั่นสินะ ฉันคงเลือกคนผิดจริงๆนั่นแหละ..."

"นี่ เดี๋ยวสิ!!" ฮาคุบะตะโกนไล่หลังเด็กชายที่ลงจากรถและกระแทกประตูใส่

"อ้าว? เจ้าหนู จะไปไหนน่ะ?" คุณลุงคนขับรถที่พึ่งออกมาจากร้านมินิมาร์ท ตะโกนเรียกไคโตะที่วิ่งเลี้ยวหายไปกับมุมตึก

"นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณหนู? อ้าว? ไหงตัวคุณหนูเลอะเทอะอย่างนั้นล่ะ?" ชายแก่ถามเด็กหนุ่มที่เปิดประตูรถลงมา

"...ไม่มีอะไรครับคุณลุง"

ฮาคุบะยืนสลัดน้ำกาแฟที่เปรอะเต็มตัว สายตาทอดมองไปตามทางที่เด็กน้อยนั่นวิ่งไป...

***

"อ่า เหอะๆ เสื้อสมัยเด็กยังใส่ได้พอดีเลยแหะ" ไคโตะที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่บ่นกับตัวเอง สถานที่ๆรถฮาคุบะจอดไม่ไกลจากบ้านเขาเท่าไหร่ วิ่งไม่ทันไรก็ถึงให้เขาได้ไปเปลี่ยนชุดและเตรียมเงินออกมาเพื่อไปบ้านอาคาโกะได้

"หวังว่าทุกอย่างคงจะจบภายในคืนนี้นะ" ไคโตะนั่งคิดงึมงัมๆกับแผนการตัวเองสักพักก่อนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จากความสูงของเขาตอนนี้ทำให้มองเงยลอดกระจกรถไปเจอท้องฟ้าสีเข้มตอนตี2ที่โผล่พ้นเหนือยอดตึกได้ชัดเจน

-ถ้านายจะขอความช่วยเหลือจากฉันน่ะ บอกได้เลยนะว่าเลือกคนผิด-

"...ให้บ้าตายสิทำไมเจ้าบ้านั่นถึงพูดออกมาแบบนี้ได้นะ เห็นแก่ตัวจริงๆ แย่ที่สุด..." ไคโตะหัวเสียเมื่อคิดถึงประโยคสุดท้ายของฮาคุบะก่อนจะวิ่งจากมา ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่เมื่อเห็น 'เพื่อน' กำลังเดือดร้อนก็ไม่น่าจะพูดอย่างนี้นี่หน่า

ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันแท้ๆ..เพื่อน? ไม่สิ เจ้านั่นเป็นตำรวจนี่หน่า อาจจะคิดว่าเราเป็นศัตรูก็ได้...ศัตรู?...

......เพราะอย่างนั้นถึงไม่ช่วยเหลือกันงั้นเหรอ? นั่นสินะ มิน่าล่ะถึงไม่ยอมช่วย หึ เราก็ไม่ได้หวังซะหน่อยว่าศัตรูอย่างมันจะมาช่วยเหลือน่ะ!

ไคโตะกุมหน้าอกข้างซ้ายของตนเองที่เสียดขึ้นมากะทันหัน

นั่นสินะ เพราะว่าเราเป็นโจร เขาเป็นตำรวจเรื่องทำดีกันคงไม่มีอยู่แล้ว ถึงว่าสิทำไมฮัตโตริถึงเอาใจและช่วยเหลือคุโด้ขนาดนั้น เพราะเขาเป็นฝ่ายเดียวกันนั่นเอง แต่ฮาคุบะกับเรา...

"...ไม่น่าหวังตั้งแต่แรกให้มาเจ็บใจตัวเองอย่างนี้เลย..." ไคโตะรำพัน เงยหน้าพาสายตาจากพื้นรถไปสู่หลังคาคฤหาสน์ของอาคาโกะที่อยู่เหนือยอดไม้ข้างหน้า ก่อนจะถึงภายในไม่กี่อึดใจ...

***

---ตุ๊บ---

ไคโตะกระโดดลงมาจากรั้วสู่พื้นสนามหญ้าข้างล่างอย่างเงียบเชียบราวกับขาแมว ค่อยๆเคลื่อนร่างเล็กเข้าสู่อาณาเขตตัวบ้านอย่างรวดเร็วและรัดกุม

"หึ ยัยอาดาโกะคอยดูนะ!" ไคโตะเคยมาที่บ้านอาคาโกะมาก่อน ดังนั้นแผนที่ส่วนหลักๆของบ้านจึงถูกจดจำอยู่ในสมองเขาอย่างแม่นยำ รวมทั้งห้องปรัมพิธี สถานที่ปรุงยาขนาดใหญ่นั่นด้วย

ไคโตะแฝงตัวเข้าไปในตัวบ้านได้โดยไม่ทำลายความสงัดแม้สัดนิด ร่างกายที่เล็กเท่าเด็กประถมทำให้เขาสามารถขึ้นไปคลานบนช่องระบายอากาศได้อย่างง่ายดาย ไคโตะแอบนึกไม่ได้ว่าตัวเล็กอย่างนี้ก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน จนในที่สุดเขาก็เข้ามาถึงส่วนที่ต้องการ

เขาโรยตัวลงมาจากช่องระบายอากาศสู่พื้นห้องมืดที่เย็นเฉียบ ลงมาในท่านั่งชันเข่าข้างนึง ไม่ไหวติงเพื่อสังเกตุสถานการณ์รอบๆตัว ไม่มีวี่แววเสียงแว่วใดๆ จนกระทั่งเปลวไฟจากปลายเทียนหลายร้อยเล่มถูดจุดขึ้นมาพร้อมๆกัน

ห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีกำแพงสร้างด้วยหินก้อนจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้อากาศข้างในเย็นยะเยียบ ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยตำรับวิชาไสย์ศาสตร์มากมายที่มีความเก่าแก่พอๆกับความขลังของมัน ตรงกลางมีหม้อเคี่ยวยาขนาดเท่าโอ่งสลักลายเป็นรูปงูและอักษรเวทย์ต่างๆ นอกนั้นพื้นที่ทั้งหมดแทบถูกโต๊ะที่วางขวดยาหลากหลายชนิดเป็นพันเป็นหมื่นขวดกินไป

และอาคาโกะก็ยืนอยู่ตรงกลางห้องนั่นเอง เธออยู่ในชุดทายาทมนต์แดงที่มีเนื้อผ้าน้อยชิ้นและยั่วยวนเสียเหลือเกิน

"โฮะๆๆๆๆ ในที่สุดก็ติดกับฉันจนได้นะ คุโรบะคุง ไม่สิ จอมโจรkidต่างหาก" หญิงสาวนัยต์ตาสีม่วงเข้มและผมสีดำยาวสยายหัวเราะเสียงสูงพึงใจกับความสำเร็จของตน มือข้างนึงยกขึ้นมาข้างๆปากเป็นท่าหัวเราะประจำตัว

"เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมาถึงที่นี่แล้ว?" เขาไม่เชื่อว่าตนจะพลาดให้อาคาโกะรู้ตัวว่าเข้ามาในบ้านนี้ได้

"หึ ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน ลูกแก้วในมือฉันนี่ก็จะบอกหมดทุกอย่างนั่นแหละ หึๆ" เธอเฉลย

"ยังนั้นก็ดี" ไคโตะลุกขึ้นยืนตัวตรง "เรื่องนี้เป็นฝีมือของเธอจริงๆด้วย เอาล่ะ ทำให้ฉันกลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้"

"โฮะๆๆ ฉันไม่ได้ทำให้นายตัวเล็กลงเพื่อให้มาพูดกับฉันแค่นี้หรอกนะ" อาคาโกะดึงเส้นผมของตัวเองออกมากำ3-4เส้นก่อนเป่าไปทางที่ไคโตะยืนอยู่ เส้นผมที่ปลิวไปในอากาศได้กลายเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ 4 ตัวพุ่งเข้าหาไคโตะอย่างรวดเร็ว ไคโตะพยายามกระโดดหนีแต่ร่างกายเขาไม่อำนวยเสียเลย เมื่อเทียบกับความไวของงูแล้วในที่สุดเขาก็ถูกพันธนาการ

งูทั้งสี่ตัวต่างรัดไปที่แขนขาทั้งสองข้างของเขาและกลายร่างเป็นเชือกเหนียวที่แน่นหนา เขาดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว พออาคาโกะดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว เชือกก็รั้งตัวเขาให้ขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศ

"อาคาโกะ!!"

"อืม หน้าตาตอนเด็กก็น่ารักดีนะ ให้อยู่อย่างนี้ข้างๆฉันตลอดไปเลยก็ไม่เลวเหมือนกัน คิกๆ"อาคาโกะเดินย่างเข้ามา ริมฝีปากยิ้มหยันอย่างมีชัย

"เชอะ พูดตลก ใครจะอยู่ข้างเธอกัน!"

"หึ แต่ก็จับได้ง่ายดายกว่าที่คิดเสียอีกนะ คิดไม่ผิดที่ทำให้นายเป็นเด็กก่อนแล้วค่อยจัดการ โฮะๆๆ"

"จัดการ? เธอจะทำอะไรฉัน?"

"นายคงยังไม่ลืมความหวังของฉันหรอกนะ ความหวังที่ต้องการให้ผู้ชายทุกคนในโลกนี้กลายมาเป็นทาสฉันยังไงล่ะ แต่มีนายคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมตกอยู่ในอำนาจมนต์สะกด" อาคาโกะหงายฝ่ามือที่เรียวขาวขึ้น บัดดลก็มีช็อคโกแลต ปรากฏอยู่ตรงปลายเล็บที่แต้มด้วยสีม่วงเข้ม

"ช็อคโกแลตนี่นายจำได้มั้ย? มันจะทำให้นายกลายเป็นทาสฉันทั้งตัวและหัวใจ พอนายเป็นเด็กลงฉันก็สามารถจะป้อนช็อคโกแลตเวทย์มนต์นี้ให้ได้อย่างสบาย แล้วคราวนี้ความหวังของฉันก็จะได้กลายเป็นความจริง ผู้ชายทุกคนบนโลกก็จะเป็นของฉัน รวมทั้งนายด้วย คุโรบะคุง โฮะๆๆๆ เอาล่ะ อ้าปากแล้วกินเข้าไปซะดีๆ!!"

"ไม่นะ!"

ไคโตะกัดฟันแน่น

"ทำไมล่ะ? เมื่อนายกินเข้าไป หัวใจนายจะเป็นของฉันชั่วนิรันดร์ และฉันจะให้นายได้อยู่เคียงข้างฉันไปตลอดชีวิต ไม่มีความสุขอะไรที่จะมากไปกว่านี้หรอก เชื่อฉันสิ"

เด็กชายยังคงกัดฟัน ปิดตาแน่น ส่ายหัวปฏิเสธ

"ทำไมล่ะ? นายไม่เชื่อฉันเหรอว่านายจะมีความสุขน่ะ?"

"ไม่ใช่ไม่เชื่อ...แต่ฉันไม่เอา ความสุขแบบนั้นฉันไม่ต้องการ"

"...กินเข้าไปเดี๋ยวนี้ คุโรบะ!!!" อาคาโกะเลือดขึ้นหน้าทันทีเมื่อได้ยินไคโตะตอบอย่างนั้น เธอตะโกนสั่งเสียงสูง ใช้มือจับแก้มไคโตะฝืนให้อ้าปาก ไคโตะพยายามเบี่ยงหน้าหลบ จนปลายเล็บของเธอครูดลงไปบนเนื้อหน้าเลือดไหลซึมออกมา

-ถ้าจะมีความสุขเพราะถูกฝืนให้รักใครคนอื่นที่ฉันไม่รัก สู้ให้ฉันทนเจ็บปวดเพราะรักคนที่ฉันอยากรักต่อไปซะจะดีกว่า-

แต่ตอนนี้แรงเด็กของเขาไม่ได้อยู่ภาวะที่สามารถขัดขืนได้เลย ช็อคโกแลตส่วนหนึ่งเข้าไปในปากของเขาเสียแล้ว

"พอแค่นั้นแหละ โคอิซึมิ"

"อ๊ะ!!"

-ฉึก-

อาคาโกะที่ตกใจหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญล้มฟุบลงไปทันทีเมื่อเข็มเล่มหนึ่งปักไปที่ท้ายทอยของเธอ ช็อคโกแลตที่ถูกกัดไปหนึ่งคำร่วงหล่นลงพื้น

"คุโด้? ฮัตโตริ?..............ฮาคุบะ??"

***

นักสืบหนุ่มสามคนยืนกันอยู่ตรงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ของห้องนี้ ในมือของชินอิจิมีนาฬิกาเข็มยาสลบที่เคยใช้ตอนสมัยยังเป็นโคนัน แต่อะไรไม่แปลกใจเท่าฮาคุบะที่มาด้วย และกำลังวิ่งมาที่ไคโตะที่ถูกเชือกมัดอยู่

"นายกินช็อคโกแลคนั่นเข้าไปแล้วใช่มั้ย?"

"อ๊ะ นิดหน่อยน่ะ...อุ๊บ"

ไม่ทันที่ไคโตะจะพูดจบ วงแขนใหญ่ของฮาคุบะก็โอบตัวเขาขึ้นมาและประกบริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็ว

"อึ๊..อือ..."หัวใจไคโตะแทบหยุดเต้นเมื่อเจอจูบแบบกะทันหัน เขาพยามยามบ่ายหน้าของตัวเองออกแต่ฝ่ามือของฮาคุบะที่ช้อนหัวเขาอยู่ทำให้กระดิกไปไหนไม่ได้

ฮาคุบะถอนริมฝีปากออกมา หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวจากกระเป๋าเสื้อตัวเองเพื่อเช็ดช๊อคโกแลตที่ปลายลิ้นของตน

"ฮะ..ฮาคุ"ฝ่ายไคโตะหอบจนตัวโยนเหมือนคนที่พึ่งโผล่ขึ้นพ้นจากน้ำ

"ฉันไม่ยอมให้นายไปรักคนอื่นหรอก" นิ้วโป้งของฮาคุบะเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากมุมปากเล็กๆนั่น ก่อนที่ริมฝีปากทั้งคู่ประกบกันอีกครั้ง

"!!"

คราวนี้ลิ้นใหญ่กระวัดพันอยู่ในช่องปากเล็กๆของไคโตะราวกับจะล้างรสช็อคโกแลตที่อยู่ภายในให้หายออกไปหมด ไคโตะหมดแรงที่จะขัดขืน ถ้าไม่มีแขนที่โอบอุ้มเขาไว้และเชือกที่รัดตัวเขาอยู่ก็คงจะล้มฟุบลงไปแล้ว เรียวแขนเล็กๆก็ต้องการโอบคนข้างหน้าไว้แต่เชือกที่รั้งอยู่เป็นอุปสรรค ทำให้แขนนั้นทำได้แค่สั่นระริกเบาๆเท่านั้น

จูบครั้งที่สองจบลง ฮาคุบะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปลายลิ้นของเขาอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีช็อคโกแลตนั่นหลงเหลืออยู่แล้ว

"ฮาคุบะ...ทำไมนาย..." ไคโตะหอบเสียงสั่น

ฮาคุบะละมือข้างนึงออกจากตัวไคโตะเพื่อใช้มีดพกเลาะเชือกทั้ง4ให้ขาด

"ฉันก็แค่เช็ดช็อคโกแลตออกจากปากนาย ก็เท่านั้น" ชายหนุ่มผมบลอนด์ตอบเสียงเรียบ

"ใช้ผ้าเช็ดหน้านั่นก็ได้นี่?"

"ฉันไม่คิดว่ามันจะเช็ดช็อคโกแลตออกหมดน่ะสิ" ไคโตะหน้าแดง

"นี่ ฮาคุบะ ฉันว่านายรีบเอาคุโรบะลงมาให้เสร็จๆก่อนจะดีกว่านะ" ชินอิจิที่ยืนอยู่ข้างๆเฮย์จิพูดเตือน

"พวกนายมาได้ยังไงน่ะ?" เสียงเล็กๆถาม

"อ้าว ก็ฮาคุบะตามพวกเรามาไง ฉันมาค้างที่บ้านคุโด้พอดีเลยได้มาด้วย" เฮย์จิตอบสำเนียงคันไซตามสไตล์ของเขา

"หึ ทำอะไรเอาแต่ใจ ถ้าพวกเรามาช่วยไม่ทันนายก็เป็นแฟนกับยัยนั่นไปแล้ว" ชินอิจิบุ้ยหน้าไปทางอาคาโกะที่สลบไสลอยู่ ไคโตะรู้สึกว่าฮาคุบะบีบไหล่ๆเล็กๆเขาแน่นขึ้นอยู่วูบนึง

"นั่นสิ ทำไมไม่โทรตามพวกเราให้มาช่วยล่ะ ตัวกะเปี๊ยกอย่างนี้จะทำอะไรได้ แถมเจ๊นี่ก็เล่นคุณไสยฯด้วย"เฮย์จิถาม

"ก็....ก็ฉันคิดว่าพวกนายคงไม่อยากช่วยฉันน่ะสิ"

"เห?" นักสืบตะวันออกและตกอุทานขึ้นพร้อมกัน

"ทำไมนายคิดอย่างนั้น? คุโรบะ" ฮาคุบะเน้นเสียงขึ้น คิ้วเรียวกดลง

-ฉัวะ-

เชือกเส้นสุดท้ายขาดลง ฮาคุบะรับน้ำหนักทั้งหมดของไคโตะไว้ในอ้อมอก มือที่ไร้เชือกพันธนาการคว้าบ่ากว้างของคนข้างหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองหล่นลงไป ถึงแม้ว่าอ้อมแขนใหญ่นั่นไม่มีทางจะปล่อยลงไปอยู่แล้วก็เถอะ

"ก็ตอนนั้นนายบอกว่าจะไม่ช่วยฉัน ฉันนึกว่าพวกนักสืบอย่างนายคงคิดว่าฉันเป็นศัตรูก็เลย..." ดวงตาสีฟ้าใสหมองลง

"บ้าน่า พวกเราน่ะ อุ๊บ!" ชินอิจิปิดปากเฮย์จิที่กำลังจะโวยวายไว้

"เงียบน่า ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเองก่อน เจ้าบ้า"

"ใครบอกว่าฉันจะไม่ช่วยนาย?"

"ก็ตอนนั้นบนรถ นายบอกเองนี่"

"บ้าน่ะ ฉันหมายถึงว่านายมาขอความช่วยเหลือผิดคนต่างหาก"

ไคโตะก้มหน้าลง คำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินจากปากคนๆนี้กลับถูกพูดออกมาเป็นครั้งที่สอง

"แล้วผิดมั้ยล่ะว่าถ้าคนที่ฉันอยากให้ช่วยน่ะเป็นนาย..."

..คุโรบะ...ฮาคุบะใช้นิ้วปัดปอยผมที่ปรกบริเวณใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมแขนเขาให้เข้าที่

"อ่า ไหงเข้าใจไปซะอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าไม่อยากช่วยนายสักหน่อย"

"เห?" ไคโตะเงยหน้าขึ้น

"ฉันหมายความว่ากรณีที่นายตัวเล็กลงน่าจะมีอะไรเกี่ยวพันกับคุโด้ที่เคยตัวเล็กกลายเป็นโคนันเพราะเท่าที่นายบอกอาการมามันเหมือนกันมาก เลยจะแนะให้ไปปรึกษาคุโด้เท่านั้นเอง"

"อ้า หมายความว่าไงน่ะ? ฉัน..." หน้าไคโตะร้อนขึ้นมาทันที

"นี่ฉันเข้าใจผิดไปเหรอเนี่ย? อ้าาา บ้าที่สุด เหมือนคนโง่เลย!" ไคโตะก้มหน้าต่ำลงกว่าเมื่อกี้เพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงไปด้วยความอาย

"ไม่หรอก ฉันต่างหากที่โง่ พูดคำออกไปโดยไม่นึกถึงน้ำใจนายเลย ขอโทษนะ"

นิ้วฮาคุบะเชิดปลายคางไคโตะขึ้นมา ริมฝีปากจูบไปที่แก้มเบาๆและสัมผัสไปที่แผลจากเล็บอาคาโกะอย่างอ่อนโยน

"ฮาคุบะ"

"หือ?" ฮาคุบะตอบทั้งๆที่ปลายจมูกยังไล้ไปตามแก้มนิ่มๆของไคโตะ

"เมื่อกี้ที่นายบอกว่า ไม่ยอมให้ฉันไปรักใครนี่ ฉันคงไม่ได้ฟังผิดไปอีกใช่มั้ย?"

ฮาคุบะเลิกคิ้วขึ้น ดึงหน้าตัวเองออกมาเผชิญกับสายตาคนที่อยู่ข้างหน้า ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆเจือยิ้มขึ้นมา

"อืม นายฟังไม่ผิดหรอก ไคโตะ"

"ฮาคุบะ" ไคโตะยิ้ม ใบหน้าที่แดงเรื่อทั้งเพราะความอายและความดีใจอย่างที่สุด ริมฝีปากเล็กๆก้มลงไปหอมแก้มฮาคุบะคืนบ้างอย่างเขินๆ

"หึๆ"

"เห? นายหัวเราะอะไร?"ไคโตะผละหน้าออกมาทันที นี่เราอะไรเปิ่นไปอีกแล้วเรอะเนี่ย?

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"ฮาคุบะยิ้มกึ่งหัวเราะให้ไคโตะสงสัยเล่น เขาอดนึกขำไม่ได้ว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของฮัตโตริที่ชอบชินอิจิตอนเป็นโคนันแล้วสิ

 

"นี่ๆ สวีทกันพอรึยัง?" ชินอิจิทักขัดคอ

"เหอะๆๆ เพราะพูดอย่างนี้น่ะสิ ใครๆก็เข้าใจผิดน่ะ ฮาคุเอ้ย" เฮย์จิล้อฮาคุบะ

"เราต้องหาตุ๊กตาไคโตะที่โดนคำสาปจากกองขวดพวกนี้อีกนะ" ชินอิจิกำมือชี้นิ้วโป้งไปทางกองขวดโหลขนาดต่างๆที่พะเนินเทินทึก

"เห? หมายความว่าไงน่ะ?" ฮาคุบะถาม

"ก็อาคาโกะเขาใช้ตุ๊กตาสาปแช่งของไคโตะแล้วเอาไปแช่ในน้ำที่ละลายตัวยาaptx4869อยู่น่ะสิ"

"เห? เพราะเจ้านั่นทำให้ฉันตัวเล็กลงและทำให้อาคาโกะรู้การเคลื่อนไหวฉันตลอดเลยน่ะรึ?"

"ใช่" ชินอิจิตอบห้วนๆ

"แล้วนายรู้ได้ยังไง? คุโด้คุง" ฮาคุบะถาม แขนยังกอดไคโตะไม่ยอมปล่อยลงมา และท่าทางไคโตะก็ไม่ได้ต้องการจะลงเสียด้วยสิ^^

"อ้าว? ก็ไฮบาระ เอ้ย ชิโฮบอกฉันเอง พอนายโทรไปที่บ้านว่าไคโตะตัวเล็กลงฉันก็เลยลองไปที่บ้านดร.ดูเพื่อถามเธอน่ะ"

"อ่า ตอนที่นายไม่ให้ฉันตามไปน่ะเรอะ?" ฮัตโตริซักไซ้

"อืม ตอนนั้นแหละ" แล้วชินอิจิกับเฮย์จิเริ่มทะเลาะกันเอง เฮย์จิโวยวายว่าทำไมถึงไม่ยอมให้ตนไปด้วย ชินอิจิก็เถียงกลับว่าไม่อยากวุ่นวาย สุดท้ายฮาคุบะต้องสงบศึกไม่งั้นคงไม่ได้รู้เรื่องพอดี

"ตอนแรกยัยนั่นจะไม่บอกเพราะว่ามีข้อตกลงกับอาคาโกะ กว่าจะกล่อมได้ก็นานพอดู สุดท้ายก็ยอมบอกว่าอาคาโกะมาขอaptxไปทำคุณไสย แล้วจะให้ของตอบแทน"

"นายกล่อมยังไงน่ะคุโด้?"เฮย์จิถาม

"หือ? กล่อมผู้หญิงก็ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ โอบไหล่ทำตาอ้อนๆหน่อย ให้เธอรู้สึกคล้อยตามไง คุโรบะสอนฉัน"

ฮาคุบะเหล่ไปที่ไคโตะที่ทำโบ้เบ้มองไปที่อื่น ส่วนเฮย์จิอ้าปากค้าง

"น่ะ นาย..."

ฮาคุบะเห็นท่าว่าไม่ดีเลยเปลี่ยนเรื่องพูดว่าอะไรคือสิ่งที่อาคาโกะจะให้ชิโฮตอบแทน

"อืม เห็นว่าเป็นยาเสน่ห์น่ะ ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้กะใครยัยบ้านั่น"

ฮาคุบะส่ายหัว แทนที่สถานการณืจะดีขึ้นมันต้องเลวร้ายลงอีกแน่ๆ

"จะบ้าเหรอคุโด้!!! นายว่ายัยผมแดงจะใช้กับใครล่ะ? ก็กับนายไงเล่า!!"

"อะไรน่ะ อย่ามาพูดอะไรไม่รู้เรื่องนะ!"

"แล้วใครที่ไหนเขาไปกล่อมผู้หญิงกันแบบนั้นเล่า!นายต้องโดนไอ้ยาเสน่ห์นั่นแล้วแน่ๆเลย!!"

"เจ้าบ้า ไร้สาระ งี่เง่าน่า$#@!^#$#!!!! "

"#^@$&!@%&#^$!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! "

กว่าไคโตะและฮาคุบะจะกล่อมสองคนนี้ให้สงบลงได้ก็ปาไปเกือบ 1/2 ชม. ในที่สุดก็เริ่มหาของกันได้เสียที ถึงกระนั้นชินอิจิกับเฮย์จิก็ยังกัดกันเองเป็นระยะๆ

"เฮ้อ ไม่เลิกซะทีนะ" ไคโตะมองไปทางพวกชินอิจิทั้งๆที่มือยังยกกองขวดออกมาดู

"นั่นสิ" ฮาคุบะเดินเข้ามาใกล้ๆไม่ให้ซุ้มให้เสียง ไคโตะตกใจเล็กน้อย

"วันหลังหากนายมีปัญหาอะไรก็บอกพวกฉัน อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยจนเข้าใจผิดอีก แล้วก็นะ ถ้ามีเรื่องจริงล่ะก็ บอกฉันคนแรกล่ะ เข้าใจมั้ย" ฮาคุบะดึงตัวไคโตะเข้าไปกระซิบเบาๆ อ้อมแขนกอดรัดร่างเล็กๆของไคโตะไว้ราวกับเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาทีเดียว

"หึ นายนั่นแหละ วันหลังน่ะพูดอะไรให้มันชัดเจนหน่อย"

"เจ้าปริศนาอย่างkidมีสิทธิพูดอย่างนี้ด้วยเหรอ? หือ?" ทั้งคู่หัวเราะด้วยกันเบาๆ
 

 

"อืม ตัวเล็กๆอย่างนี้กอดง่ายดีนะ
เป็นอย่างนี้ไปตลอดเลยดีมั้ย?
จะได้จับตัวได้ง่ายๆด้วย"
ไคโตะคิกคักที่เสียงและลมหายใจ
ฮาคุบะเข้าไปจั๊กจี๊แถวใบหู...
 

***

ชินอิจิ: @#%^@$!*!%!!!!!!!!

เฮย์จิ:@$!#&!@%#!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ฮาคุ/ไคโตะ: ^^;;;;อ่า คนละอารมณ์กันเลยนะนี่

***

*owari*